รู้ทันช่าง ตั้งศูนย์ถ่วงล้อยังไง ให้จบในครั้งเดียว

   แม้ว่ายางรถยนต์จะเป็นอุปกรณ์สิ้นเปลืองอันดับต้นๆ ของคนมีรถ แต่ตัวมันเองก็มีความสำคัญเกี่ยวกับเรื่องของความปลอดภัยอยู่ไม่น้อยเช่นกัน และนอกจากจะต้องเปลี่ยนยางใหม่ทุกๆ 3 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร โดยประมาณแล้ว อีกสิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปด้วยก็คือ การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ

     บางคนอาจยังไม่รู้ หรือไม่เข้าใจ ว่าทำไมถึงต้องตั้งศูนย์ถ่วงล้อ นั่นก็เป็นเพราะว่า ยางแต่ละเส้นไม่ได้มีมวลยางหนาแน่นเท่ากันในทุกๆ จุดบนเส้นรอบวง ซึ่งมันมีผลทำให้นํ้าหนักในแต่ละจุดบนเส้นรอบวงของยางไม่เท่ากัน และหากไม่ทำการถ่วงล้อใหม่ เวลาที่นำรถไปใช้งานก็จะเกิดอาการสั่นสะเทือน และจุดที่ส่งผลชัดเจนที่สุดก็คือ ล้อหน้า เนื่องจากเมื่อเกิดอาการที่ล้อ มันจะส่งผลต่อไปยังพวงมาลัยด้วย ทำให้ควบคุมรถได้ยาก ยางสึก และเสื่อมสภาพไวขึ้น รวมถึงชิ้นส่วนต่างๆ ของระบบช่วงล่างที่อาจได้รับผลกระทบ ทำให้พังไวขึ้นตามไปด้วย

     แต่ก่อนอื่นเลยนั้น การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ จริงๆ แล้วช่างส่วนมากมักจะเริ่มจากการถ่วงล้อก่อนเป็นอันดับแรก เพราะช่างจะต้องถอดล้อออกมาจากตัวรถ จากนั้นดึงตะกั่วถ่วงล้ออันเก่าออกมาก่อน แล้วจึงนำล้อไปใส่ไว้บนเครื่องถ่วงล้อ เพื่อใส่ตะกั่วถ่วงล้ออันใหม่เข้าไปให้ได้สมดุล โดยในขั้นตอนนี้จะใช้เครื่องหมุนด้วยความเร็ว และต้องคอยเช็กดูด้วยว่า ล้อหมุนนิ่ง หรือมีอาการสั่นสะเทือนตรงไหนหรือไม่

     หากถ่วงล้อด้วยวิธีข้างต้นไม่ได้ผล แก้ไขอาการสั่นของล้อไม่ได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็แล้วแต่ (อาจเกิดจากชิ้นส่วนอื่นๆ เช่น จานเบรก ลูกปืน และเพลาขับ ฯลฯ) วิธีแก้ไขอีกแบบจะเป็นการ ถ่วงจี้ โดยการนำเครื่องถ่วงจี้หมุนเข้าไปจี้กับแก้มยาง จากนั้นหมุนล้อด้วยความเร็ว เพื่อเช็กอาการของล้อขณะติดอยู่กับตัวซึ่งหากเกิดอาการสั่นจากชิ้นส่วนต่างๆ ที่หมุนไปพร้อมๆ กับล้อ ช่างก็จะสามารถแก้ไข และทำให้ถ่วงล้อได้แม่นยำยิ่งขึ้น

     หลังจากถ่วงล้อจนเข้าที่แล้ว ขั้นต่อไปคือการตั้งศูนย์ ซึ่งในส่วนนี้ช่างส่วนใหญ่มักตั้งศูนย์ให้ส่วนประกอบต่างๆ เช่น ระบบบังคับเลี้ยว ระบบช่วงล่างล้อ และยาง ทำงานสัมพันธ์กันอย่างถูกต้อง สามารถทำให้รถวิ่งได้ตรง ไม่ดึงไปทางใดทางหนึ่ง (ซ้าย หรือขวา) และที่สำคัญการตั้งศูนย์ที่ล้อหน้า ต้องตั้งค่าให้ถูกต้องตามที่โรงงานกำหนด

     นอกจากนี้การตั้งค่าของมุมล้อเองก็ต้องใช้เครื่องมือที่มีประสิทธิภาพ มีความแม่นยำ รวมไปถึงช่างที่ทำก็ต้องมีความรู้ ความชำนาญด้วย และส่วนใหญ่มุมที่ต้องตั้งหลักๆ จะมีอยู่ 3 มุม คือ มุมโท มุมแคสเตอร์ และมุมแคมเบอร์ ซึ่งจะขออธิบายถึงประโยชน์ของการตั้งค่ามุมต่างๆ สั้นๆ พอเป็นสังเขป ดังนี้

  • มุมโท เป็นมุมที่ทำช่วยให้รถนั้นวิ่งได้ตรง และนิ่ง สามารถควบคุมรถในทางตรงได้ง่าย แม้บางครั้งจะปล่อยมือจากพวงมาลัยระยะเวลาสั้นๆ ทิศทางของรถก็ยังตรงอยู่
  • มุมแคสเตอร์ หน้าที่จะคล้ายกับมุมโท คือช่วยให้รถวิ่งตรง และยังช่วยทำให้การเลี้ยวรถมีความคล่องตัว ช่วยการคืนตัวของพวงมาลัยได้ดี ช่วยให้ล้อหมุนกลับมาตรงดีขึ้นหลังจากการเลี้ยว
  • มุมแคมเบอร์ ทำหน้าที่ต้านการเอียงข้างของรถขณะขับขี่ในทางโค้ง ลดรัศมีหมุนเลี้ยวลง เพื่อให้หมุนพวงมาลัยได้เบา ทำให้ไม่เกิดการคลอนตัวลูกปืนล้อที่ระยะฟรี และลดอาการล้อลื่น ทำให้การเข้าโค้งนั้นทรงตัวได้ดี

     การตั้งศูนย์ถ่วงล้อ สมควรจะทำก็ต่อเมื่อ เปลี่ยนยางใหม่ ไม่ว่าจะเป็นยางขนาดเดิม หรือเปลี่ยนขนาดใหม่ แต่ถ้าเป็นเป็นการสลับยางตามระยะ อาจทำแค่ถ่วงล้ออย่างเดียวก็ได้ เพราะการสลับยางไม่ได้ถอดยางออกจากล้อ จึงไม่จำเป็นต้องตั้งศูนย์ใหม่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น หากรถที่ใช้เกิดอาการผิดปกติ พวงมาลัยดึงไปทางใดทางหนึ่ง หรือมีอาการสั่นสะเทือนที่พวงมาลัย ไม่ว่าจะเพิ่งตั้งศูนย์ถ่วงล้อออกมาใหม่ หรือใช้งานมานานแล้ว ก็ควรนำรถเข้าไปให้ช่างเช็กอาการดู เพื่อหาสาเหตุความผิดปกตินี้ จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที


เครดิต www.sanook.com