สิ่งที่เหล่านักซิ่งควรทำ การเปลี่ยนน้ำมันในระบบความร้อน

tttttttttttt

t>> ผลพวงจากสภาพอากาศที่แปรปรวน ฤดูกาลที่คลาดเคลื่อน อย่างที่เคยมีพายุฝนในช่วงฤดูหนาว หรือรุ่งเช้าอากาศเย็น แต่ช่วงเที่ยงกลับร้อนจัด เจ้าของรถที่มีรถอายุตั้งแต่ 4-5 ปีขึ้นไปหลายท่าน ควรเตรียมพร้อมอยู่เสมอเพื่อรับมือสถานการณ์ เพราะไม่อยากที่จะไปจอดเสียกลางทางตอนแดดจัดๆ การเตรียมพร้อมเป็นสิ่งที่ดีเพราะสามารถลดอัตราเสี่ยงต่อความเสียหายที่จะลุกลาม
tตัวอย่างเช่นเรื่องเครื่องยนต์โอเวอร์ฮีต ถ้าเจ้าของรถไม่เคยประสบปัญหาแบบนี้มาก่อนก็ไม่รู้ว่าต้องรับมืออย่างไร โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมีความสังเกต ปล่อยให้เข็มความร้อนกวาดยันถึงขีดแดง ไม่นานเครื่องยนต์ก็น็อกดับ ถ้ารุนแรงมากก็จะทำให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหาย อย่างที่เราได้ยินกันบ่อยๆ ว่าชาฟท์ละลาย นั่นก็คือแบริ่งข้อเหวี่ยงร้อนจัดจนละลายทำให้เครื่องยนต์ไม่หมุน
t          อาการนี้ค่าซ่อมต้องมีหลักหมื่นบาท ถ้าร้ายหนักถึงขั้นฝาสูบโก่งด้วยแล้วจะบานปลายกว่าที่คิดไว้เยอะ สาเหตุอาจมาจากเรื่องเล็กน้อยที่ซ่อมเพียงหลักพันก็หาย เช่น ท่อน้ำเสื่อมสภาพ ปั๊มน้ำรั่ว ท่อฮีตเตอร์รั่ว หรือแม้แต่น้ำยาปรับสภาพในหม้อน้ำหมดอายุ ฯลฯ เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ตรวจสอบได้และสามารถซ่อมได้ในราคาที่ไม่แพงมากนัก
t          เจ้าของรถหลายคนที่พอจะดูแลรักษารถยนต์เองได้ มักจะให้ความสำคัญในการดูแลรักษารถยนต์อย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะหน้าร้อนเป็นช่วงที่รถยนต์ต้องทำงานหนักมากในหลายระบบ ความสำคัญที่เจ้าของรถมักเล็งเห็นคือเรื่องการระบายความร้อนของเครื่องยนต์ น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ ฯลฯ เพราะมีส่วนทำให้เครื่องยนต์สึกหรอได้
t          เรื่องแรกที่เจ้าของรถมักลงมือเองคือการเปลี่ยนน้ำในระบบระบายความร้อน พูดง่ายๆ ก็คือน้ำหม้อน้ำนั่นเอง เพราะดูแล้วเป็นเรื่องที่ทำได้ไม่ยากเย็นนัก แต่มีไม่น้อยที่เปลี่ยนน้ำในระบบแล้ว เปลี่ยนน้ำยาควบคุมอุณหภูมิแล้ว แต่ความร้อนก็ยังขึ้นสูงอยู่ กลายเป็นว่าสิ่งที่ทำไปนั้นไม่มีประโยชน์อะไร เสียทั้งเวลา เสียทั้งเงิน และอาจก่อให้เกิดความเสียหายตามมาได้อีก ซึ่งก่อนจะลงมือไล่ลมต้องตรวจเช็กสภาพท่อทางต่างๆ ก่อน เพื่อจะได้เปลี่ยนก่อนไล่ลม โดยไม่ต้องเสียเวลาแก้ไขหรือซ่อมแซมหลายรอบ
t          ส่วนใหญ่เวลาเปลี่ยนน้ำในหม้อน้ำมักจะเกิดปัญหาตามมาคือเครื่องยนต์ร้อนกว่าปกติ อันเนื่องมาจากมีลมหรืออากาศในระบบ ทำให้ปริมาณน้ำน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ที่เกิดปัญหานี้ได้นั้นเป็นเพราะความเข้าใจผิดๆ ซึ่งสั่งสมกันมานานนั่นเอง

tttttttttt t

ttttttttt

tttttttttt ttttttttt tt

tttttttttttt

t
t          ถ่ายน้ำเพียงแค่หมุนก๊อกถ่ายที่ด้านล่างของหม้อน้ำจุดเดียว การถ่าย ณ จุดนี้เพียงจุดเดียวนั้นไม่สามารถถ่ายน้ำในระบบออกมาได้ทั้งหมด เพราะน้ำส่วนใหญ่ยังคงค้างอยู่ตามท่อทางเดินน้ำ เครื่องยนต์ ฮีตเตอร์
t          บางคนลงทุนถ่ายตอนเครื่องร้อน แถมติดเครื่องเพื่อให้น้ำเกิดการหมุนวนด้วย กรณีนี้ถือว่าใช้ได้แต่ยังทำให้เกิดลมหรืออากาศหลงเหลือในระบบอยู่ดี
t          บางคนพอแน่ใจว่าน้ำมีเต็มระบบ ก็จะปิดก๊อกถ่ายที่น้ำไหลออกหมด แล้วใช้การไล่ลมโดยการบีบท่อหม้อน้ำเป็นจังหวะๆ แล้วค่อยเติมน้ำเข้าไป แบบนี้ก็ไม่สามารถไล่ลมได้อย่างหมดจดอยู่ดี
t          ซ้ำร้ายกว่านั้น ถ้าเป็นรถยุโรปบางรุ่นที่หม้อน้ำไม่มีฝาเติม ต้องเติมที่กระปุกพักน้ำอย่างเดียวก็ยิ่งมีปัญหาในเรื่องของการไล่ลมมาก หลังจากใช้ไปสักพักหนึ่งจะรู้สึกว่าความร้อนของเครื่องยนต์สูงกว่าปกตินิดหน่อย ในรถยุโรปที่มาตรวัดความร้อนละเอียดๆ จะเห็นได้ชัดว่าความร้อนสูงกว่าปกติ แต่ในรถญี่ปุ่นยิ่งไม่แสดงอาการใดๆ เลย เพราะมาตรวัดนั้นไม่แสดงค่าละเอียดเท่ารถยุโรป ถ้าร้อนก็แสดงว่าร้อนมากเลย

tttttttttt t

ttttttttt tttttttttt ttttttttt tt tttttttttttt

t          ในระบบระบายความร้อนด้วยน้ำ มีอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องหลายอย่างด้วยกัน ตัวที่ทำให้การถ่ายน้ำหรือไล่ลมมีปัญหานั้นก็จะเป็นวาล์วน้ำและฮีตเตอร์ อย่างหลังไม่ค่อยเป็นปัญหามากนักถ้าช่างไม่ลืมเปิดเอาไว้ เพราะฮีตเตอร์จะใช้น้ำร้อนจากเครื่องยนต์ไปใช้ในการสร้างความร้อนให้กับภายในห้องโดยสาร การถ่ายน้ำหม้อน้ำต้องเปิดฮีตเตอร์ไปยังจุดที่ร้อนสุด เพื่อให้น้ำเกิดการหมุนเวียนไล่ของเก่าที่มีอยู่ออกมาให้หมด
t          ส่วนวาล์วน้ำคือตัวที่สำคัญมากๆ เพราะถ้าวาล์วน้ำไม่เปิด การไล่ลมก็เป็นเรื่องยาก เพราะวาล์วน้ำก็คือประตูกั้นน้ำนั่นเอง ลองคิดง่ายๆ ว่าเมื่อคุณถ่ายน้ำออกมาแล้ว อีกฝั่งหนึ่งของประตูจะมีอากาศหลงเหลืออยู่ แม้คุณไล่ลมตอนเครื่องเย็น (วาล์วน้ำไม่เปิด) ด้านก่อนเข้าวาล์วน้ำแม้จะไล่ลมหมดจดแค่ไหน เมื่อคุณติดเครื่องยนต์จนอุณหภูมิถึงระดับที่วาล์วน้ำเปิด อากาศที่อยู่อีกด้านก็จะเข้ามาอยู่ในระบบระบายความร้อนเหมือนเดิม สิ่งที่ตามมาก็คือความร้อนจะสูงขึ้นมากกว่าปกติ
t          การเปลี่ยนน้ำในระบบที่ถูกต้องนั้นในรถแต่ละรุ่นใช้หลักการเดียวกัน เพียงแต่จุดที่จะต้องเปิดเพื่อไล่ลมหรือถ่ายน้ำจะแตกต่างกันออกไป การลงมือเปลี่ยนด้วยตัวเองนั้นจะต้องศึกษาคู่มืออย่างละเอียดถี่ถ้วนเสียก่อน สิ่งแรกที่คุณจะได้จากคู่มือประจำรถคือที่อยู่ของก๊อกถ่ายน้ำที่เครื่องยนต์ ซึ่งเป็นคนละตัวกับก๊อกถ่ายน้ำที่หม้อน้ำ
t          ที่อยู่ของนอตไล่ลมตัวนี้แหละสำคัญมากๆ เพราะจะช่วยให้การเปลี่ยนน้ำในระบบระบายความร้อนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีลมหรืออากาศเหลืออยู่ในระบบ ในคู่มือจะบอกไว้อย่างชัดเจนว่าคุณต้องทำขั้นตอนใดก่อนที่จะไล่ไปจนขั้นตอนสุดท้าย
t          ซึ่งการทำตามคู่มือที่ถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนขณะเครื่องยนต์ร้อนเลยด้วยซ้ำ ปัญหาเรื่องวาล์วน้ำเปิดหรือปิด ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ
t          ก่อนหน้านี้ที่บอกว่าต้องทำให้วาล์วน้ำเปิดนั้นจะเป็นการเปลี่ยนน้ำและไล่ลมแบบลูกทุ่งๆ หน่อย แบบนี้ไม่จำเป็นต้องศึกษาคู่มือ แต่ต้องเสี่ยงกับการโดนน้ำร้อนลวกถ้าไม่ระวังพอ รวมทั้งเสี่ยงต่อชิ้นส่วนต่างๆ ที่มีการเคลื่อนที่ภายในห้องเครื่องยนต์
t          ยกตัวอย่างรถ นิสสัน ซันนี่ B14 รุ่นปี 2000 ในคู่มือมีบอกไว้ชัดเจนว่า ก๊อกถ่ายน้ำที่เครื่องอยู่ตรงไหน รวมทั้งบอกขั้นตอนและวิธีทำเสร็จสรรพ รวมถึงข้อควรระวังเอาไว้ครบถ้วน
t          เริ่มจากคุณต้องเปิดตัวปรับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศไปด้าน HOT จนสุด พูดง่ายๆ ก็เปิดฮีตเตอร์นั่นเอง จากนั้นเปิดฝาหม้อน้ำ เปิดก๊อกถ่ายที่ใต้หม้อน้ำและก๊อกถ่ายที่เครื่องยนต์ เพื่อให้น้ำในระบบไหลออกจนหมด

t          จากนั้นก็ฉีดน้ำสะอาดเข้าไปที่ช่องเติมที่หม้อน้ำ ปล่อยไว้สักพักสังเกตดูน้ำที่ไหลออกมาจากก๊อกถ่าย ทั้งที่เครื่องและหม้อน้ำ รวมถึงนอตไล่ลมด้วยว่าน้ำที่ไหลออกมานั้นใสสะอาดหรือยัง ถ้าเห็นว่าใสดีแล้วก็ให้ปิดก๊อกถ่ายน้ำที่หม้อน้ำและเครื่องยนต์ให้แน่น
t          ระหว่างนี้สังเกตน้ำที่พุ่งออกมาจากนอตไล่ลมว่าพุ่งออกมาเป็นเส้นสม่ำเสมอหรือไม่ ถ้าน้ำไหลออกมาแบบกะปริบกะปรอยแสดงว่ามีลมหลงเหลืออยู่ ต้องรอจนน้ำพุ่งออกมาเป็นเส้นสม่ำเสมอสักครู่เป็นอันใช้ได้ ระหว่างที่ปิดก๊อกถ่ายทั้งสองตัว ยังต้องปล่อยน้ำให้เข้าหม้อน้ำอย่างสม่ำเสมอ จากนั้นค่อยปิดนอตไล่ลมแล้วค่อยๆ เติมน้ำในหม้อน้ำให้เต็มรวมถึงถังพักน้ำ
t          ติดเครื่องทิ้งไว้สักพักจนถึงอุณหภูมิใช้งานเพื่อให้วาล์วน้ำเปิด น้ำในระบบจะเกิดการไหลเวียน จากนั้นดับเครื่องยนต์ทิ้งไว้จนเครื่องเย็น เปิดฝาหม้อน้ำเพื่อเติมน้ำอีกครั้งรวมถึงเช็กในถังพักด้วย แม้ไล่ลมแล้วมันก็จะมีหลงเหลือเล็กน้อยต้องมีการเติมกันอีกครั้ง
t          จะเห็นว่าดูเผินๆ เหมือนเป็นเรื่องง่าย แต่อันที่จริงนั้นมันมีรายละเอียดปลีกย่อยค่อนข้างเยอะ รวมทั้งจุดสำคัญๆ ที่จะทำให้งานของคุณง่ายขึ้นและมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นด้วย และแน่นอนว่ามีผลต่อความปลอดภัยในการทำงานของคุณอย่างมาก หลายคนที่ไม่เคยอ่านคู่มือก็ต้องเสี่ยงถ่ายกันแบบผิดๆ ต่อไป ซึ่งมันไม่คุ้มต่อการบาดเจ็บและความเสียหายของเครื่องยนต์ที่จะตามมา
t          ส่วนใหญ่เวลาเปลี่ยนน้ำในหม้อน้ำมักจะเกิดปัญหาตามมา คือเครื่องยนต์ร้อนกว่าปกติ อันเนื่องมาจากมีลมหรืออากาศในระบบ

เครดิต www.gmcarmagazine.com