เลือกผ้าเบรกอย่างไร..ให้โดนใจ และประหยัดเงิน..!!

ความแตกต่างของประเภทของผ้าเบรก ทั้ง 2 กลุ่ม นี้คือ..!!
1.ผ้าเบรกในกลุ่มที่ เนื้อผ้าเบรก มี ส่วนผสมของสาร Asbestos  (กลุ่มผ้าเบรก Standart)
เป็นผ้าเบรกที่ใช้งานตามาตรฐานทั่วไป ใช้งานได้ง่ายสะดวก เหมาะกับการใช้งานในรถยนต์ที่ไม่ค่อยได้ใช้ความเร็วสูงมากนัก ผ้าเบรกในกลุ่มนี้ราคาอาจไม่สูงมาก และสามารถทำงานได้ดีในช่วงตั้งแต่ความเร็วต่ำ เบรกจับได้แน่นและค่อนข้างนุ่มนวลและไม่กินหรือทำให้จานเบรกเป็นรอยมากนัก.. แต่ข้อเสียคือ อาจมีฝุ่นผงของเศษผ้าเบรกเป็นละอองออกมาปะปนในอากาศ หรือสร้างคราบสกปรกติดที่ล้อรถได้  ซึ่งผ้าเบรกในกลุ่มนี้ไม่เหมาะกับการใช้งานในลักษณะของการเบรกหนักๆ ในความเร็วที่สูงต่อเนื่องบ่อยๆ  เพราะผ้าเบรกในกลุ่มนี้ เมื่อมีความร้อนสะสมมากๆ  ประสิทธิภาพจะลดลง หรือ หากความร้อนสะสมในตัวผ้าเบรกมีมากจนไม่สามารถคลายตัวได้ในช่วงเวลานั้น  อาจส่งผลให้เกิดอาการเบรก Fade ในระบบเบรกได้ (อาการเบรก Fade คือ อาการที่เบรกหาย หรือ การที่เหยียบเบรกไปแล้วไม่มีแรงดันในระบบเบรก ..จึงไม่สามารถหยุดรถได้..หากเกินอาการนี้เมื่อไหร่ ท่องไว้ครับ สติๆๆ ..พยายามลดความเร็วด้วยเกียร์ / ค่อยๆ ดึงสลับปล่อยเบรกมือ / ประคับประคองทิศทางรถให้ดีครับ ที่เหลือก็อาศัยประสบการณ์ความสามารถพิเศษที่ผู้ขับขี่มีติดตัวมาครับ)



2.ผ้าเบรกในกลุ่มที่ เนื้อผ้าเบรก ไม่มี สวนผสมของสาร  Asbestos (กลุ่มผ้าเบรก Semi-metallic)
ผ้าเบรกในกลุ่มนี้อาจดูแล้ว มีความพิเศษกว่าในกลุ่มแรก แต่ก็แน่นอนราคาค่าตัวอาจจะสูงกว่าตามลำดับ ซึ่งผ้าเบรกในกลุ่มนี้ ตัวเนื้อผ้าเบรกจะไม่มีการผสมสาร Asbestos แต่จะผสมสารต่างๆ ในกลุ่ม metallic ลง ไปในเนื้อผ้าเบรก ..ซึ่งผ้าเบรกในกลุ่มนี้เหมาะที่เรานำมาใช้กับรถที่เน้นในเรื่องของความเร็ว สูงๆ และต้องใช้เบรกบ่อยๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานานๆ  เพราะตัวผ้าเบรกสามารถรองรับงานหนักและสามารถทนความร้อนได้สูงวกว่า แบบแรก .. แต่นอกจากข้อดีที่สามารถมองเห็นได้ในความแตกต่างแล้ว  ผ้าเบรกในกลุ่มนี้ก็ยังมีข้อเสียในตัวมันเองด้วย เช่น ผ้าเบรกในกลุ่มนี้ ในช่วงเวลาที่เบรกเย็นตัวอาจจะไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่เบรกอาจมีลื่น หรือไหลบ้างต้องรอเวลาหรือได้รับการ Warm หรือ มีความร้อนสะสมสักนิดความสามารถในปการเบรกก็จะสูงขึ้น  จากนั้นขอเสียอีกอย่างหนึ่งที่แตกต่างก็คือ ตัวผ้าเบรกจะมีความทนทานสูงแต่อาจส่งผลเสียกับจานเบรกที่จะทำให้จากเบรก สึกหรอไปได้อย่างรวดเร็ว หรือ มักสร้างรอยต่างๆ ให้เกิดขึ้นบนจานดิสก์เบรกได้

เราควรเลือก..ใช้ผ้าเบรกให้เหมาะสม..กับรถเราอย่างไร..!!
เมื่อถึงระยะเวลาที่ต้องเปลี่ยนผ้าเบรก หลายๆ ท่านก็คงเห็นว่าในตลาดผ้าเบรกมีตัวเลือกมากมาย..หลายยี่ห้อ แล้วจะเอายี่ห้อไหนดีนะ  ซึ่งแต่ละค่ายราคาก็แตกต่าง อยากจะใช้ราคาถูกแต่ก็กลัวว่าจะเบรกไม่อยู่อีก  อยากจะใช้แพงๆ เกรดสูงๆ ก็เป็นกังวลกับเงินในกระเป๋าสตางค์อีก .. เอางัย.!! ละทีนี้ อยากจะเลือกแบบที่ถูกตังค์แต่ใช้ดี ..โจทย์ข้อนี้ดูยากละ
ดังนั้น..ถ้าเปลี่ยนความคิดหรือตั้งคำถามนี้ใหม่..ลองมามองว่า..“จะเลือก ใช้ผ้าเบรกแบบไหนให้เพียงพอต่อการใช้งาน”  สิ น่าจะเจอคำตอบแบบที่ถูกใจได้ไม่ยาก ที่บอกแบบนี้ …ผู้เขียนไม่ได้มีเจตนา มาแนะนำว่า ไม่เห็นความสำคัญของผ้าเบรกนะ แต่อยากจะบอกว่า ควรใช้เกรดที่เพียงพอต่อการใช้งาน หรือ ตามสเปคในคู่มือที่โรงงานผู้ผลิตกำหนดไว้ก็เพียงพอแล้วครับ จากนั้นส่วนที่เหลือก็ดูแลความสมบูรณ์ในระบบเบรกและส่วนควบอื่นๆ และ ใช้ความเร็วให้ถูกต้องเหมาะสมกับตัวรถก็เพียงพอแล้วล่ะครับ

เพราะที่บอกแบบนี้  ในบางที  “ผม เห็นรถบ้านเดิมๆธรรมดาที่คุณผู้หญิงขับแบบไม่ได้ใช้ความเร็วสูงๆ ให้ใช้ความเร็วสูงแบบต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานๆ  แต่กลับไปใส่ผ้าเบรกเกรด Semi-metallic (Racing) จัดเต็มกันเลยทีเดียว” .. ผมเกรงว่ามันจะสิ้นเปลืองเกินไปน่ะหล่ะครับ  และที่สำคัญเปลืองเรื่องงบประมาณราคาผ้าเบรกไม่พอ เวลาเบรกแต่ละครั้งอาจจะรู้สึกว่าไม่ค่อยหนึบ รถไม่ค่อยหยุดดูไหลๆ เนื่องจากอุณหภูมิผ้าเบรกไม่ถึง ก็กลายเป็นโทษระบบเบรก หรือ โทษผ้าเบรกไม่ดี เป็นกังวลเรื่องความปลอดภัยกันใหญ่ ทีนี้มันจะส่งผลให้เกิดการแก้ปัญหาไม่ตรงจุดบานปลายไปใหญ่  ดังนั้นจุดหลักที่สำคัญ ..“เราควรตรวจ สอบความสมบูรณ์ของระบบเบรกอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นเรื่องสำคัญมาก ระดับน้ำมับเบรกต้องอยู่ในระดับ ไม่ยุบหรือต่ำลงอย่างรวดเร็ว เพราะนั่นหมายถึงระบบเบรกมีการรั่วของแรงดันหรือผ้าเบรกสึกหรอจนใกล้ หมด..จานดิสก์เบรกเป็นรอยขูดลึก..มีเสียงดังมากเมื่อใช้เบรก..ระยะการดึงคัน เบรกมือระยะการดึงที่สูงขึ้นเรื่อยๆ นี่คืออาการผิดปกติทีเกิดขึ้นในระบบเบรกที่ต้องตรวจสอบและให้ความสำคัญในการ แก้ไข …จากนั้นก็..เลือกใช้ผ้าเบรกในเกรดที่เพียงพอต่อการใช้งานครับ เท่านั้นล่ะ ทุกอย่างจะจบลงตัวแบบ Happy”  โดยการเลือกเกรดผ้าเบรกที่เหมาะสม ผมขอแนะนำเป็นมุมมองกว้างๆตามกลุ่มการใช้งาน ตามประสบการณ์ของผมดังนี้

รถบ้าน ใช้งานเดินทางในเมืองหลวง / ไปทำงาน / ช้อปปิ้ง / ออกต่างจังหวัด นานๆ ครั้ง ..ใน สไตล์นี้ ใช้ผ้าเบรก ในเกรด Standart ที่ไม่มีส่วนผสมของโลหะ ก็เพียงพอแล้วครับ ใช้งานง่ายสะดวก ไม่ต้องรออุณหภูมิที่สูงมาก เบรกก็เริ่มทำงานได้ดีในช่วงต้นๆ แล้วครับ

รถแต่งซิ่ง อัพสเต็ป / หรือ คนรักความเร็ว / เดินทางต่างจังหวัดใช้ความเร็วสูงๆ ยาวๆ บ่อยๆ  .. ในการใช้รถสไตล์นี้ ขยับมาใช้ผ้าเบรกใน กลุ่มผ้าเบรก Semi-metallic ก็ได้ครับ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความมั่นใจ ความทดทานของการสึกหรอของระยะผ้าเบรกได้อีกระดับหนึ่ง .. เนื่องจากอาจต้องใช้เบรกเยอะ ความร้อนสะสมเยอะเวลาใช้งาน จะได้ไม่เกิดอาการเบรก Fade แต่ช่วงเริ่มการใช้งานในตอนเบรกยังเย็นตัว  ควรรอให้อุณหภูมิสะสมในผ้าเบรกสูงสักนิดนะครับ เพราะ ในช่วงเริ่มการใช้งานใหม่ๆ  ความร้อนในเบรกยังไม่สูงมาก ลักษณะการเบรกอาจจะมีอาการไหลๆ ลื่นๆ อยู่บ้าง ก็ตามสไตล์ผ้าเบรกใน เกรดนี้

รถตู้ / รถโดยสาร / รถกระบะที่ขนของหนักๆ ลุยทางไกล ขึ้นเขาลงห้วยเป็นประจำ .. งานนี้ ไม่ต้องคิดมาก  จัดเต็มเลยครับเรื่องผ้าเบรก ใช้เกรดดีหน่อย มองใน กลุ่มผ้าเบรก Semi-metallic เลยครับ เพราะใช้งานคุ้มแน่นอน ที่สำคัญรถในกลุ่มนี้ต้องใช้งานเบรกบ่อย..เจอความร้อนที่สะสมสูงๆ ต่อเนื่องเป็นเวลานาน ทางยาวๆ  รถหนัก ขึ้นเขาลงเขาบรรทุกสิ่งของต่อเนื่องยาว ๆ งานนี้ เรื่องเบรกต้องสำคัญ จัดเต็มเลยอย่าได้ประหยัดตรงจุดนี้ การใช้งานรถในกลุ่มนี้ต้องตรวจสอบระบบเบรกและส่วนควบทั้งระบบ ทุกระบบเป็นประจำ ครับ เพราะรถใช้งานหนักต่อเนื่องความสึกหรอย่อมเกิดได้มากและเร็วกว่าการใช้งานใน รูปแบบอื่นๆ  

ทั้งหมด ที่เขียนมาซะเยอะแยะ ยืดยาว เบื่อกันป่าวไม้รู้…คิดซะว่า ผมมาโม้.!! ให้อ่านกันก็ได้  ไม่ว่ากัน แต่ทั้งหมดก็เป็นข้อมูลเบาๆ ที่ผมนำมาแลกเปลี่ยนข้อมูลหรือความคิดเห็นกันสำหรับคนที่รักรถล่ะครับ ใครอ่านแล้ว มีประสบการณ์จะแลกเปลี่ยน หรือ แสดงความคิดเห็น  ก็แลกเปลี่ยน หรือ แชร์เข้ามาก็ได้นะครับไม่ว่ากัน หลายๆ ความคิดเรามามีส่วนร่วมช่วยกันแชร์ข้อมูล ช่วยกันแนะนำ  เพื่อการใช้รถอย่างปลอดภัยสบายใจทุกการเดินทางล่ะครับ ..  จุ๊บๆๆ !!  

เครดิต www.carvariety.com