เลือกผ้าเบรกอย่างไร..ให้โดนใจ และประหยัดเงิน..!!

สำหรับในบทความนี้  เรามาทำความรู้จักกับเรื่องผ้าเบรกกันสักหน่อย  เพราะในตลาดปัจจุบัน  ผ้าเบรกมีหลากหลายยี่ห้อ หลากหลายรุ่น หลากหลายประเภท จนบางครั้งก็ มึนๆ งงๆ  … ว่าเราควรใช้แบบไหนที่จะ แจ๋วและเหมาะสมยังกับรถเรา..!!   เพราะบางครั้งขับรถเข้าไปในร้านเบรกเพื่อเปลี่ยนผ้าเบรก ทางร้านก็มักจะเชียร์ในยี่ห้อที่ร้านเป็นตัวแทนจำหน่ายเสมอ ยิ่งแต่งตัวหล่อใส่สูตรผูกไทค์ไปด้วยล่ะก็  ทางร้านก็มักจะแนะนำผ้าเบรกในเกรดรถ Super Car ทั้งๆ ที่ขับ City Car เข้าไป..ซึ่งบวกลบราคาแล้วแทบเป็นลม  เพราะถ้าถามว่าใส่ได้มั้ย.?  ซึ่งถ้าตรงรุ่นก็ใส่ได้เกรดสูงๆ น่ะ..!!  แต่ถ้าเราไม่ได้ใช้งานแบบโหด ดุดันขนาดนั้น  มันก็จะเหมือนกับการเอาเงิน ไปติดที่ล้อแล้วรอให้ปลิวหลุดไปตามลมแบบสูญเปล่า เป็นต้น

ดังนั้นในบทความนี้เรามาทำความรู้จักกับเรื่องของผ้าเบรกกันในแบบเข้าใจ ง่ายๆ เพื่อที่จะเลือกใช้ได้เหมาะสมกับรถเรากันหน่อยดีกว่า ครับ

ขอเริ่มเกริ่น และ แนะนำให้รู้จักก่อนว่าระบบเบรกในรถยนต์มีกี่แบบ ..!!
เอาแบบง่ายๆ ไม่ปวดหัว รถที่เราใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ระบบเบรกส่วนใหญ่ที่ทางโรงงานค่ายรถ ออกแบบติดตั้งมานั้น เห็นโดยรวมแบบมาตรฐานสากลของโลก ก็เห็นชัดๆ มีอยู่ 2 แบบ ก็คือ

1.แบบที่เป็น  ระบบ ดรัมเบรก
ระบบ”ดรัมเบรก” เราสามารถเห็นได้ในรถปัจจุบัน รวมไปถึงรถรุ่นเก่าๆ ซึ่งระบบ ดรัมเบรก นี้ หน้าตาจะดูทะมึน กลมใหญ่ อยู่ภายในดุมล้อ ซึ่งจะมีฝาครอบดุมล้อปิดอยู่ โดยภายในจะมีปั๊มเบรกที่คอย ถ่างหรือคายผ้าเบรกออกจากดุมล้อ เมื่อเราเหยียบเบรกแรงดันจากปั๊มเบรคภายในก็จะดันถ่างผ้าเบรกให้เบียดกับดุม ล้อเพื่อเกิดการเสียดทานทำให้ล้อรถหยุดหมุนได้ ในทางกลับกัน ถ้าไม่มีการเหยียบเบรก ตัวปั๊มเบรกก็จะดึงกลับให้ผ้าเบรกไม่เกิดการเสียดทานกับดุมล้อก็ทำให้รถ เคลื่อนที่ได้ไปในแบบปกติ ..ซึ่งส่วนใหญ่เราจะเห็นระบบ “ดรัมเบรก” จะติดตั้งอยู่ที่ล้อหลังของรถเก๋ง หรือ รถกระบะ ทั่วไป

 
2.แบบที่เป็น ระบบ ดิสก์เบรก

ระบบ ”ดิสก์เบรก” ในเบรกระบบนี้  เป็นระบบเบรกที่ถูกพัฒนาขึ้นมา และใช้งานกันอย่างแพร่หลายในรถยุคปัจจุบัน ซึ่งบางคันส่วนใหญ่จะเห็นติดตั้งอยู่ที่ล้อหน้า  หรือบางคันก็ใช้เป็นระบบดิสก์เบรก  ทั้ง 4 ล้อเลยก็มี  ในระบบดิสก์เบรก จะมีการทำงานโดย มีจานดิสก์เบรกที่หมุนเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับการหมุนของล้อ  จากนั้นที่ตัวจานดิสก์เบรกจะมีปั๊มเบรก หรือ ที่เรียกกันว่า “คาลิปเปอร์”   น่ะหล่ะติดตั้งอยู่  ซึ่งภายในปั๊มเบรกจะมีผ้าเบรกติดตั้งอยู่ในลักษะเหมือนกับการประกอบ ที่ตัวจานเบรก  เมื่อเราเหยียบเบรกลูกสูบภายในปั๊มเบรกก็จะดันผ้าเบรกเข้ามาประกบกับ จานดิสก์เบรก เพื่อให้เกิดแรงเสียดทางในการหยุดรถ  และในทางกลับกัน  เมื่อเราไม่ได้เหยียบเบรกลูกสูบก็จะปล่อยผ้าเบรกออกจานจานดิสก์เพื่อ ให้รถเคลื่อนที่ไปได้แบบไม่มีแรงเสียดทานนั่นเอง
ในส่วนของการทำงาน  ทั้งระบบ “ดรัมเบรก” หรือ “ดิสก์เบรก” นั้นหลักการทำงานโดยละเอียด รวมถึงความแตกต่างในแต่ละแบบนั้นก็ยังมีรายละเอียดที่แตกต่างกันอยู่  ทั้งในระบบการทำงาน รวมถึงข้อดีหรือข้อเสีย ซึ่งความแตกต่างในหลักการทำงานของระบบเบรกทั้ง 2 ประเภทนี้ ถ้ามีโอกาสจะหยิบมาอธิบายหรือให้ข้อมูลเพิ่มเติมในบทความถัดไป .. ซึ่งในบทความนี้ ขอให้ข้อมูลแบบกว้างๆ พอเข้าใจ เพื่อให้พอรู้จักกันว่า อย่างไหนเรียกว่า “ดรัมเบรก”  อย่างไหนเรียกว่า “ดิสก์เบรก” ..เพราะไม่ว่ารถคุณ จะเป็นแบบ “ดรัมเบรก” หรือ “ดิสก์เบรก” ก็ตาม  .. ยังไงโรงงานผู้ผลิตก็คำณวนเลือกติดตั้งมาให้เราใช้งานได้อย่างปลอดภัยแล้ว ล่ะครับ ดังนั้นในบทความนี้ขอมาโฟกัสในเรื่องของผ้าเบรกกันเลย เพราะเป็นสิ่งที่หากเราใช้งานจนหมดหรือครบระยะ เราก็ต้องเปลี่ยนและใช้ให้ถูกต้องเหมาะสมกับการขับขี่ครับ

หน้าที่ของผ้าเบรก…มันมีหน้าที่อย่างไร !!
หน้าที่ของผ้าเบรก ตัวชื่อที่เรียกมันก็บอกไว้ชัดเจน ว่าเป็นอุปกรณ์ในการช่วยลดความเร็ว และ หยุดรถ ไม่ว่ารถคุณ  จะใช้ระบบ เบรกที่เป็น  ดรัมเบรก หรือ ดิสก์เบรก ยังไงก็ต้องมีผ้าเบรกเป็นส่วนประกอบในระบบการทำงานอยู่แล้ว ซึ่งลักษณะของผ้าเบรกในระบบเบรกทั้ง 2 ชนิดนี้ จะมาหน้าตาที่แตกต่างกัน

ผ้าเบรกในระบบ ดรัมเบรก .. จะมีหน้าตาเป็น เหล็กฝักโค้งๆ ตามรูปของฝักเบรกที่อยู่ภายในดุมล้อ ซึ่งตัวผ้าเบรกจะถูกหลอมอัดแน่นบนฝักเบรกโค้งๆ  เพื่อทำหน้าที่ในการไปประกบกับดุมล้อภายใน เพื่อสร้างแรงเสียดทานในการหยุดรถ

ผ้าเบรกในระบบ ดิสก์เบรก .. จะมีหน้าตาเป็นแผ่นเหล็กแบนๆ  ซึ่งบนแผ่นเหล็กแบนๆ นั้นจะถูกอัดแน่นด้วยเนื้อผ้าเบรก  ซึ่งตัวผ้าเบรกจะถูกติดตั้งในปั๊มเบรกที่หันหน้าเข้าหากันโดยมีจาน ดิสก์เบรกอยู่ตรงกลาง โดยที่ปั๊มเบรกจะมีลูกสูบที่คอยดันผ้าเบรกออกมาประกบกับจานดิสก์เบรก เพื่อสร้างแรงเสียดทานในการหยุดรถ

ชนิดและประเภทของผ้าเบรก..ที่เราควรรู้จัก !!
ในหัวข้อนี้เรียกกว่าเป็นแกนหลักในบทความวันนี้เลยก็ ว่าได้   เพราะชนิดหรือประเภทของเนื้อผ้าเบรกนั้น เป็นปัจจัยที่สำคัญในลำดับต้นๆเลย ที่สามารถบอกได้ว่า  “ เบรกรถเรานั้นจะมีประสิทธิภาพขนาดไหน ..จะใช้งานทนทาน..คุ้มค่าหรือไม่ ” เพราะตัวเนื้อผ้าเบรกที่แตกต่างกัน  ประสิทธิภาพ หรือ ธรรมชาติของความรู้สึกในการเบรกก็จะแตกต่างกัน  ที่สำคัญราคาก็ต่างกันด้วย

ดังนั้นเมื่อมีการเปลี่ยนผ้าเบรก ก็ควรเลือกเปลี่ยนผ้าเบรกให้เหมาะสมกับลักษณะการขับขี่  หรือ ให้เหมาะสมกับความจำเป็นตามการใช้งานของรถแต่ละคัน  เพื่อความปลอดภัย ใช้งานได้คุ้มค่า คุ้มราคา ตามความเหมาะสม และเกิดความปลอดภัยสูงที่สุด นั่นเองครับ

ชนิดของผ้าเบรกที่มีจำหน่ายในตลาดในยุคปัจจุบัน ถ้าแบ่งตามกลุ่มใหญ่ๆ ตามสไตล์ผมเพื่อความเข้าใจง่ายๆก็สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่ม  คือ
1.ผ้าเบรกในกลุ่มที่ เนื้อผ้าเบรก มี ส่วนผสมของสาร Asbestos (กลุ่มผ้าเบรก Standart)
2.ผ้าเบรกในกลุ่มที่ เนื้อผ้าเบรก ไม่มี สวนผสมของสาร Asbestos (กลุ่มผ้าเบรก Semi-metallic)

เครดิต www.carvariety.com