รู้หรือไม่…รถคุณมีระบบกันขโมยหรือแค่เซ็นทรัลล็อก

          ก่อนที่จะไปคุยเรื่องของการดูแลรักษา ลองมาดูก่อนว่าแท้จริงแล้วรถคุณมีระบบกันขโมยหรือไม่ หลายคนเข้าใจผิดว่าถ้ารถมี ‘รีโมต’ มาให้แสดงว่ามีระบบกันขโมย ในรถยนต์ยุคนี้ต้องแยกออกเป็นสองออพชั่น คือ หนึ่ง, รถที่มีระบบเซ็นทรัลล็อกพร้อมรีโมตเปิด-ปิดประตู สอง, รถที่มีระบบป้องกันการโจรกรรมหรือกันขโมย

t          ถ้าไปดูรายละเอียดออพชั่นของรถในปัจจุบันมักจะแยกให้เห็นเป็นอย่างนี้ แต่ที่ผ่านมาผู้ใช้รถจะคุ้นเคยกับระบบกันขโมยแบบเก่าที่มีพร้อมรีโมต เป็นแบบที่มีชุดกล่องควบคุมการทำงาน ไซเรน และตัวรีโมต ที่จะใช้เซ็นเซอร์จับการสั่นสะเทือนเป็นหลัก แต่รถยุคปัจจุบันจะไม่ใช้ระบบแบบนั้นแล้ว เพราะความเที่ยงตรงในการทำงานน้อย
t          ระบบกันขโมยในปัจจุบันใช้ระบบ Immobilizer ซึ่งจะใช้ชิพฝังไว้ในตัวลูกกุญแจ เมื่อบิดกุญแจตัวรับสัญญาณจะอ่านโค้ดจากลูกกุญแจ แล้วส่งไปยังกล่อง ECU ถ้าสัญญาณโค้ดเดียวกันก็จะอนุญาตให้เครื่องยนต์สตาร์ทได้ ถ้าไม่ตรงแม้จะบิดกุญแจไปตำแหน่งสตาร์ทได้ แต่เครื่องยนต์จะไม่หมุนหรือหมุนแต่ไม่ติด

t

tttttttttt t ttttttttt

tttttttttt ttttttttt tt

tttttttttttt

t          ส่วนตัวรีโมตที่มีให้นั้นจะมีหน้าที่แค่เปิด-ปิดล็อกประตูเท่านั้น ระบบจะแยกกันโดยสิ้นเชิง ในการก๊อบปี้หรือสแกนรีโมตนั้นทำได้ไม่ยาก แต่จะทำได้เพียงการปลดล็อกประตูเท่านั้น ถ้ารถคันนั้นมีระบบกันขโมยแบบ Immobilizer ก็จะไม่สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ แต่ถ้าไม่มีก็สามารถสตาร์ทเครื่องยนต์ได้ ต้องทำความเข้าใจให้ดีนะครับ
t          ที่ผ่านมารถยนต์ที่มีระบบกันขโมยแบบ Immobilizer ยังถูกโจรกรรม ก็เป็นที่หนักใจของผู้ผลิตรถยนต์ เพราะมันยากที่จะก๊อบปี้โค้ดของชิพที่ฝังไว้ในดอกกุญแจ ซึ่งจะทำได้ก็ต้องพึ่งศูนย์บริการในการเปลี่ยนรหัส ต้องใช้เครื่องมือพิเศษ แต่ตัวรีโมตที่เอาไว้เปิด-ปิดประตูนั้นมันก๊อบปี้หรือสแกนได้ไม่ยากเย็น
t          แล้วรถที่มีระบบ Immobilizer ถูกขโมยได้อย่างไรเป็นที่สงสัยกันมาก จนกระทั่งมีกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมคนร้ายได้ขณะขับรถคันที่ขโมยมาพอดี จึงได้รู้ว่าโจรเหล่านี้เตรียมกล่อง ECU กับดอกกุญแจที่โค้ดตรงกันมาด้วย เปิดรถได้ก็เปลี่ยนกล่องและทำลายรูกุญแจแล้วใช้กุญแจที่เตรียมมาสตาร์ทเครื่องยนต์ได้โดยง่าย

t

tttttttttt t

ttttttttt tttttttttt ttttttttt tt

tttttttttttt

t          รถรุ่นใหม่โดยเฉพาะรถรุ่นท็อปมักจะมีระบบกันขโมยพร้อมรีโมทเปิด-ปิดประตูมาให้ แต่รุ่นรองๆ มักจะมีแค่รีโมทเปิด-ปิดประตูเท่านั้น ถ้าอยากเพิ่มความอุ่นใจให้มากขึ้น ลองมาดูการเลือกใช้และการดูแลรักษาระบบกันขโมยกันว่าควรเลือกและดูแลอย่างไร
t          ที่ผ่านมาได้ยินข่าวคราวเกี่ยวกับปัญหาเรื่องการใช้งานของระบบกันขโมย ทั้งปัญหาเกี่ยวกับแบตเตอรี่รีโมทหมด เข้ารถได้แต่สตาร์ทไม่ได้ หรือเข้ารถได้แต่ไม่สามารถปิดเสียงสัญญาณกันขโมยได้
t          แม้แต่จอดรถติดเครื่องอยู่ เปิดประตูลงไปแล้วปิดประตูอีกทีปรากฏว่ารถล็อกหน้าตาเฉย เรื่องเหล่านี้เวลาเกิดเรื่องขึ้นมาแล้วมันไม่สามารถแก้ไขได้ง่ายนัก ต้องรอพึ่งพาช่างสถานเดียว เนื่องจากระบบกันขโมยเมื่อทำงานแล้วส่วนใหญ่จะตัดสตาร์ท ไม่สามารถสตาร์ทได้ เรื่องนี้จึงจำเป็นมากสำหรับเจ้าของรถในการเรียนรู้ระบบการทำงานของกันขโมยรถตัวเองอย่างถ่องแท้

tttttttttt t

ttttttttt tttttttttt ttttttttt tt

tttttttttttt

tเลือกกันขโมยอย่างไรให้คุ้มค่า

tเวลาซื้อรถใหม่แล้วมีระบบกันขโมยติดมาให้ ต้องถามให้ดีด้วยว่าเป็นกันขโมยหรือเป็นรีโมตอย่างเดียว สำหรับรถใหม่ๆ ที่เป็นตัวท็อปหรือเป็นรุ่นที่มีราคาค่าตัวแพงๆ หน่อย พวกนี้จะไม่ค่อยมีปัญหานัก เพราะสามารถเช็กจากแค็ตตาล็อกได้ไม่ยาก
t          คุณต้องเช็กและทำความเข้าใจให้ดี ถ้ามีระบบกันขโมยมาจากโรงงานจะเห็นได้จากรายการในแค็ตตาล็อก ถ้าในแค็ตตาล็อกไม่มีแล้วเซลส์บอกว่ามี ก็ต้องดูให้ดีว่าเป็นของแถมที่เซลส์ติดให้เองหรือไม่ ก่อนที่จะจ่ายเงินจองต้องถามและคุยให้เข้าใจ เพราะของแถมมันไม่ได้เรื่องได้ราว ลองอ่านต่อไปแล้วจะทราบว่าทำไม
t          การเลือกซื้อระบบกันขโมยมีหลายเรื่องที่ต้องตระหนักถึง เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อการใช้งานรถทั้งระยะสั้นและระยะยาว

ttttttttt tttttttttt ttttttttt tt

tttttttttttt

t1.

tการบริการหลังการขาย ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ถ้าเป็นของผู้ผลิตรถยนต์โดยตรงจะไม่ค่อยมีปัญหาอะไรนัก เพราะศูนย์บริการสามารถให้การบริการและการช่วยเหลือได้ ถ้าเป็นรีโมตที่เซลส์แถมมาให้ต้องถามถึงใบรับประกันและคู่มือการใช้งานให้ครบถ้วน เพราะมีผลต่อการใช้งานในระยะยาว รีโมตและกันขโมยที่แถมมาส่วนใหญ่มักจะเป็นยี่ห้อที่ไม่คุ้นหูนัก แบบนี้ต้องระวังให้ดีเพราะอายุการใช้งานจะไม่ค่อยยาวนานเท่าไหร่ ถ้าเป็นไปได้ให้เขาตัดของแถมที่เป็นรีโมตพร้อมกันขโมยออกไปแล้วไปติดเองดีกว่า
t          ส่วนใหญ่แล้วเซลส์มักจะบอกว่า แถมรีโมตพร้อมกันขโมยให้ในมูลค่า 2,500-3,000 บาท พอเราขอตัดรายการนี้ออกแล้วเปลี่ยนเป็นส่วนลดเงินสดจะได้เต็มที่ 1,000-1,500 บาท เพราะนั่นคือราคาที่เขาติดมาให้จริงๆ
t          สำหรับคนที่ใช้ของแถมที่มาจากเซลส์ ให้กลับไปถามเซลส์ดูว่าติดมาจากร้านไหน จากนั้นให้นำรถกลับไปร้านเดิมแล้วถามว่า ‘ติดตั้งสวิตช์ลับ’ หรือ ‘ปุ่มรีเซต’ อยู่ตรงไหน เพราะมีความสำคัญมากๆ ในระยะยาว
t          ระบบกันขโมยถูกๆ บางครั้งก็รวน แต่มักจะมีปุ่มรีเซตเอาไว้เพื่อแก้ไขอาการรวน ซึ่งบางครั้งจู่ๆ สตาร์ทไม่ติด บิดกุญแจไปแล้วเงียบ ปรากฏว่าเป็นที่กันขโมยรวน เสียเงินลากเข้าศูนย์ฯไปแล้ว ศูนย์ฯก็แก้ไขให้ไม่ได้ ต้องให้เซลส์ไปตามหาร้านที่ติดตั้งให้
t          บางทีก็ตามหาเซลส์ไม่เจอเพราะออกไปแล้วก็มี สุดท้ายต้องรื้อออก และการติดตั้งในรถใหม่ๆ ก็ต้องระวังให้มาก เพราะการตัดต่อหรือจัมพ์สายไฟถ้าทำไม่ดีอาจทำให้เกิดปัญหาได้ เช่น เกิดการลัดวงจรทำให้กล่อง ECU พัง หรือทำให้ระบบอำนวยความสะดวกอื่นๆ รวน

t

t2.

tยี่ห้อ เรื่องนี้สำคัญไม่น้อยเพราะยี่ห้อที่คุ้นหูมักมีราคาสูง ว่ากันง่ายๆ ต้องมี 4,000-5,000 บาทขึ้นไป ในขณะที่ของทั่วๆ ไปอยู่ที่ 2,000-2,500 บาท แล้วก็มีไม่น้อยที่ร้านเอาของธรรมดาๆ มาให้แต่บอกราคาถึง 3,000 บาทก็มี เพียงแค่ทำหน้าตารีโมตสวยหน่อยแค่นั้นเอง
t          พอถามถึงยี่ห้อดีๆ ก็บอกราคาซะน่ากลัว ที่เป็นอย่างนั้นเพราะต้องการขายของที่ได้กำไรเยอะๆ ของถูกแต่ขายแพงก็ได้กำไรมาก ของพวกนี้ต้นทุนราวๆ พันบาทเท่านั้นเอง ส่วนของแพงกำไรน้อยก็ไม่อยากขาย ดังนั้นควรจะสอบถามราคาจากหลายๆ ร้านก่อนการตัดสินใจ และยี่ห้อดีๆ จะไม่ตัดต่อสายไฟ จะใช้ระบบปลั๊กเสียบแทนของเดิมป้องกันปัญหาที่จะตามมาได้มาก เช่น ช่างพันสายไฟไม่แน่นทำให้ระบบไม่ทำงานหรือเกิดการลัดวงจร

t3.

tควรเลือกระบบกันขโมยที่มีคุณภาพ ไม่ต้องมีออพชั่นเสริมมากมาย แต่ขอให้เป็นระบบที่ป้องกันการสแกนหรือก๊อบปี้ได้จะดีกว่า

t4.

tควรติดตั้งระบบป้องกันอื่นๆ เพิ่ม แม้แต่รถยนต์ที่มีระบบ Immobilizer โอกาสที่รถหายยังมีให้เห็นออกบ่อยๆ ดังนั้นควรติดตั้งล็อกเกียร์ ล็อกคลัตช์ หรือล็อกพวงมาลัยเพิ่มเติมเพื่อเป็นการถ่วงเวลาให้ขโมยทำงานได้ยากเย็นขึ้น

ttttttttt tttttttttt ttttttttt tt

tttttttttttt

tใช้งานอย่างไรให้ทนทาน

tโดยปกติรีโมตจะมีให้สองตัว เจ้าของรถควรจะนำมาใช้งานสลับสับเปลี่ยนกันไป อย่าใช้ตัวเดียวจนพังหรือถ่านหมดแล้วค่อยเปลี่ยนตัวใหม่
t          เจอมาหลายครั้งที่รีโมตสำรองแบตเตอรี่หมดเหมือนกัน รีโมตพวกนี้บางรุ่นบางยี่ห้อก็หาแบตเตอรี่ยากเย็นเสียเหลือเกิน เคยเจอมาด้วยตัวเองว่าแบตเตอรี่ขนาดที่ต้องการในบ้านหม้อก็ยังไม่มีขาย ถึงขนาดต้องลากรถไปให้ร้านรื้อออก เสียค่าแรงรื้อออกพันเศษๆ แถมค่ารถลากอีกพันห้า เกือบจะติดของดีๆ ได้แล้วเชียว
t         นั่นเป็นเพราะว่าแบตเตอรี่ไม่มี ก็ไม่สามารถยกเลิกระบบตัดสตาร์ทได้ ยังไงก็สตาร์ทไม่ติด และที่สำคัญไม่ทราบว่าปุ่มรีเซตการทำงานมันติดไว้ตรงไหน เพราะตอนที่ได้รถมาเซลส์ไม่ได้บอก คู่มือที่มีก็ไม่มีเบอร์ศูนย์บริการ การสลับกันใช้จะช่วยให้รีโมตได้ทำงานอย่างสม่ำเสมอ อายุการใช้งานของรีโมตทั้งสองตัวจะยาวนานกว่า
t          ต้องศึกษาว่าแบตเตอรี่ที่ใช้อยู่นั้นเป็นแบบใด พูดง่ายๆ ก็แกะมาดูนั่นแหละครับ เรื่องแบตเตอรี่ห้ามขี้เหนียวเด็ดขาด เพราะมันจะทำให้คุณเสียมากกว่าราคาแบตเตอรี่ เปลี่ยนทุกปีเลยจะเป็นการดีมาก ไม่ต้องรอให้หมดก่อนแล้วค่อยเปลี่ยน
t          สำหรับยี่ห้อดีๆ จะใช้แบตเตอรี่ที่หาง่ายตามท้องตลาด ถ้าไม่อยากเสียเวลาเสียอารมณ์เปลี่ยนแบตเตอรี่ก่อนที่มันจะหมดดีที่สุด แล้วต้องระวังเรื่องการตกหล่นของรีโมตให้ดี เพราะมันจะบั่นทอนอายุการใช้งานไปมาก
t           ของยี่ห้อถูกๆ มักไม่ค่อยมีอะไหล่และใช้งานได้ไม่ทน บางครั้งจะซื้อรีโมตเพิ่ม ติดต่อไปที่ตัวแทนจำหน่ายปรากฏว่าไม่มี มีแยกขายต้องซื้อเป็นชุดหรือหมดรุ่นไปแล้ว ไม่มีอะไหล่
t           ตัวรีโมตเองควรหลีกเลี่ยงไม่วางใกล้กับพวกสนามแม่เหล็ก หรือไว้ในที่ร้อน ชื้น ฯลฯ เพราะจะทำให้ระบบภายในเสียหายได้
t           การล้างห้องเครื่อง ซ่อมเครื่องยนต์ ติดตั้งเครื่องเสียงเพิ่ม ต้องบอกช่างทำงานให้ระวังๆ เนื่องมาจากกรณีที่ช่างติดตั้งเครื่องเสียงไปยุ่งเกี่ยวกับสายไฟโดยบังเอิญ ทำให้ติดเครื่องเสียงเสร็จแล้วสตาร์ทไม่ติด เสียเวลากันค่อนวันกว่าจะไล่หาสาเหตุเจอ
t           การล้างห้องเครื่องยนต์ก็เช่นกัน ควรปล่อยให้เครื่องยนต์เย็นลงก่อนแล้วควรหุ้มไซเรนหรือรีเลย์ให้ดี เพราะโดนน้ำจังๆ ของที่ไม่ค่อยดีก็เสียหายได้ง่ายๆ เหมือนกันครับ แต่ของมียี่ห้อที่ราคาแพงหน่อยปัญหาเหล่านี้จะไม่ค่อยมี

ttttttttt tttttttttt ttttttttt tt tttttttttttt

tศึกษาคู่มือก่อนใช้งาน

tเนื่องจากรีโมตบางรุ่นจะมีลูกเล่นค่อนข้างหลากหลายให้เราปรับเปลี่ยนได้ เช่น เมื่อดึงเบรกมือลงประตูจะล็อกอัตโนมัติ เมื่อปิดประตูแล้วเหยียบเบรกระบบจะล็อกประตูอัตโนมัติ หรือเมื่อเปิดประตูไฟกะพริบทั้งสี่มุมจะทำงาน
t          บางยี่ห้อก็ไปกวนกับระบบเดิมของตัวรถ เช่น รถบางรุ่นประตูจะล็อกอัตโนมัติเมื่อความเร็วเกิน 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่พอเปลี่ยนรีโมตใหม่เข้าไปปรากฏว่าไม่ทำงานก็มี หรือทำงานแต่ล็อกบ้างไม่ล็อกบ้าง
t          ลูกเล่นเหล่านี้มักก่อปัญหา เช่น จอดรถติดเครื่องเอาไว้ เปิดประตูลงไป ปิดประตูปั๊บรถล็อกเอง จะเจอได้บ่อยเพราะเซ็นเซอร์ที่ติดตั้งเพิ่มเข้าไปมีอาการเริ่มเสื่อมสภาพ เมื่อเจอแรงกระแทกตอนปิดประตูแรงๆ ก็ทำงาน กว่าจะทำการแก้ไขได้ต้องติดเครื่องอยู่อย่างนั้นหลายชั่วโมงทีเดียว ไม่ควรเปิดใช้ฟังก์ชันเหล่านั้นหรือถ้าจะให้ดีก็ตัดระบบเหล่านั้นออกไปเลยจะดีที่สุด โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก บางทีเด็กอาจจะเล่นซนไปโดนโดยไม่ตั้งใจ
t          รีโมตที่มีอายุการใช้งานมากกว่าสามปีขึ้นไปแล้วเริ่มเกิดปัญหา ให้ตัดใจแล้วติดตั้งใหม่เลย จบกว่าการซ่อม โดยเฉพาะรีโมตที่เซลส์แถมมาให้กับรถ แบบนี้ไม่ควรเอาไว้ ตัดใจเพิ่มเงินอีกหน่อยจะได้ใช้งานได้อย่างสบายใจ
t          รีโมตถูกๆ สังเกตดูได้ว่าหน้าตาหลายๆ ยี่ห้อจะคล้ายกันมาก ตำแหน่งการวางปุ่มเหมือนกันแต่ภายนอกแตกต่างกันเล็กน้อย เป็นเพราะว่ามีผู้ผลิตฮาร์ดแวร์รายใหญ่ที่ทำออกมา แล้วให้ลูกค้าที่เป็นบริษัทรีโมตทำเปลือกเอาเอง พวกนี้จะมีความทนทานต่ำ โอกาสเกิดปัญหาสูง เพราะรวมๆ กันแล้วจะเสียอย่างที่ไม่ควรจะเป็น

เครดิต www.gmcarmagazine.com