การเช็คระยะและการบำรุงรักษาเครื่องยนต์สำหรับรถที่มีการใช้งานไม่ต่ำกว่า 50,000 กิโลเมตร

การบำรุงรักษารถยนต์อันเป็นที่รักของทุกๆ คน เป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเราละเลยและไม่ใส่ใจรถที่เรารัก รถยนต์ที่ใช้งานก็คงจะไม่รักตัวผู้ใช้งานตอบแทน โดยเฉพาะรถที่ผ่านการใช้งานมาไม่ต่ำกว่า 50,000 กิโลเมตร ผู้ใช้รถหลายท่านอาจละเลยไม่นำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการ เพราะการเช็คระยะที่เกินจาก 50,000 กิโลเมตร ทางผู้ใช้รถจะมีค่าแรงเข้ามาเพิ่มในส่วนของค่าใช้จ่าย ทำให้ผู้ใช้รถหลายๆ ท่าน ไม่อยากที่จะนำรถเข้ามารับบริการจากทางศูนย์บริการ โดยไม่ทันได้คาดคิดว่า รถยังมีการรับประกันอยู่ที่ 100,000 กิโลเมตร หรือ 3 ปี แล้วแต่ระยะใดถึงก่อน ทำให้ขาดการบำรุงรักษาจากทางศูนย์บริการไป โดยไม่มีประวัติการเช็คระยะจากทางศูนย์บริการ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการปฎิเสธการรับประกันคุณภาพจากผู้ผลิตได้ และเกิดปัญหาหากเราได้ใช้บริการที่อื่น เนื่องจากรถขาดการดูแลและบำรุงรักษาจากศูนย์บริการที่ได้รับแต่งตั้งจากผู้ผลิต

ดังนั้น หากผู้ใช้รถต้องการความมั่นใจในการใช้งานและมีการรับประกันจากทางผู้ผลิต สมควรที่จะต้องเข้าตรวจเช็คตามระยะที่ผู้ผลิตกำหนดมาให้ตามคู่มือการใช้รถ (ปกติจะเข้าตรวจเช็คที่ทุกๆ ระยะ 5,000-10,000 กิโลเมตร) ซึ่งจะสามารถช่วยยืดอายุการใช้งานรถยนต์ได้อย่างยาวนาน โดยถึงแม้ว่ารถที่หมดอายุการรับประกันผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตไปแล้ว หากทางผู้ใช้รถนำรถเข้าศูนย์บริการ ก็ยังมี “การรับประกันงานซ่อม” อยู่ที่ 1 ปี หรือ 20,000 กิโลเมตร โดยหากนำรถเข้าซ่อมที่อื่นที่ไม่ไช่ทางศูนย์ อาจจะไม่มีการรับประกันในจุดนี้ให้กับผู้ใช้รถได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตัวผู้ใช้รถต้องรับอัตราเสี่ยงเอง นอกจากผู้ใช้รถจะได้รับความมั่นใจเกี่ยวกับการรับประกันงานซ่อมแล้ว ยังมั่นใจได้ว่า “ช่าง” ที่ทำการตรวจสอบรถจากศูนย์บริการนั้นได้ผ่านการอบรมมาโดยเฉพาะการตรวจเช็คระยะตามมาตราฐานที่ผู้ผลิตกำหนดมาให้ ซึ่งจะมีการถ่ายทอดความรู้จากผู้เชี่ยวชาญ จึงทำให้มั่นใจและตรวจสอบได้ว่ารถทุกคันสามารถเดินทางได้โดยความปลอดภัย และจะไม่เกิดอันตรายๆ ใดในการขับขี่หลังจากมีการตรวจสอบจากศูนย์บริการ ถือเป็นการช่วยลดอัตราเสี่ยงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้

เครดิต www.kmotors.co.th