รถมีอาการเครื่องสั่น ไม่มีแรง เร่งไม่ขึ้น อาจเกิดจากกรองอากาศ

กรองอากาศก็เหมือนระบบทางเดินหายใจของรถยนต์

        ในการใช้ชีวิตของคนเราสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้คือการ หายใจ เพราะถ้าไม่หายใจหรือหายใจไม่ออกก็คงจะ….. ไม่อยากจะคิดต่อ ในรถยนต์ก็เช่นกัน ไม่ต่างจากร่างกายคน เพราะรถยนต์ก็มีระบบทางเดินหายใจเช่นกัน ไม่มีอากาศเลยเครื่องก็ไม่ติด อากาศน้อยเครื่องก็สั่นหรือไม่มีแรง แต่ในรถยนต์อากาศที่หายใจเข้าไปจะต้องไปผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิงก่อน ซึ่งเมื่อผสมกันแล้วก็จะเป็น “ไอดี” ตามภาษาช่าง ภาษาสากลที่เค้าเรียกกัน

ไอดี

“ไอดี” คือ ส่วนผสมระหว่างน้ำมันกับอากาศที่จะไหลเข้าสู่ห้องเผาไหม้และจุดระเบิด เกิดการทำงานเครื่องยนต์ ดังนั้นอากาศที่จะต้องมาผสมเพื่อให้เกิด “ไอดี” ก็ต้องหายใจเป็นอากาศที่ดี ไม่มีฝุ่นผง ละออง หรือสิ่งแปลกปลอมไหลเข้าไปในห้องเผาไหม้ กรองอากาศจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเครื่องยนต์ทุกเครื่องเพื่อทำให้ระบบหายใจไม่มีปัญหา
กรองอากาศ

ประโยชน์ของไส้กรองอากาศนั้น  ถือว่าเป็นชิ้นส่วนที่สำคัญในรถยนต์ เพราะหน้าที่ของไส้กรองอากาศก็เหมือนกับขนจมูกของคนอย่างเรา ๆ นั่นแหละ เพื่อกรองฝุ่นละอองจากอากาศ และนำอากาศบริสุทธิ์ปราศจากฝุ่นละออง ไปใช้ผสมกับน้ำมันเชื้อเพลิง ที่เราเรียกกันว่า ”ไอดี” สำหรับการจุดระเบิดของเครื่องยนต์  หากสิ่งสกปรกต่าง ๆ ที่ปะปนมากับอากาศไม่ให้ไหลเข้าไปในเครื่องยนต์ก็จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าปกติหรือเกิดความเสียหาย  อีกทั้งยังทำให้น้ำมันเครื่องสกปรกอย่างรวดเร็วซึ่งเป็นผลโดยตรงที่ทำให้เครื่องยนต์สกปรกและเสียหายได้ก่อนระยะเวลาอันควร  นอกจากนั้นไส้กรองอากาศยังป้องกันไม่ให้เกิดประกายไฟย้อยกลับ (Backfire เป็นอาการที่เกิดจากการจุดระเบิดเชื้อเพลิงภายนอกกระบอกสูบ) ถ้าไม่ใส่ไส้กรองอากาศ มีโอกาสทำให้เกิดไฟไหม้ในห้องเครื่องยนต์สูงมาก และช่วยลดเสียงดังที่เกิดขึ้นจากเครื่องยนต์ ซึ่งไส้กรองอากาศจะทำหน้าที่เป็นผนังกั้นเสียงของลมที่ลูกสูบดูดเข้าไปในห้องเผาไหม้ทางท่อไอดีอีกด้วย

ไส้กรองอากาศที่ใช้ในรถยนต์

ไส้กรองอากาศที่ใช้กับรถยนต์ ในปัจจุบันส่วนมากเป็นแบบกระดาษแห้ง สามารถเป่าทำความสะอาดได้ การตรวจเช็คและทำความสะอาดไส้กรองอากาศต้องมีการตรวจเช็คตามระยะเวลา เพื่อให้การกรองอากาศได้มีประสิทธิภาพและอากาศสามารถไหลผ่านได้ดี ไส้กรองอากาศที่อุดตัน หรือมีฝุ่นผงติดอยู่มาก สิ่งเหล่านี้จะไปอุด ปิดกัน ปริมาณอากาศที่ไหลเข้าเครื่องยนต์ อากาศที่เข้าเครื่องยนต์ได้น้อยลง จะทำให้ส่วนผสมหนาเกินไป เร่งเครื่องยนต์ไม่ค่อยขึ้น รอบขึ้นช้า ทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง ทำให้มลพิษของไอเสียเพิ่มขึ้น ไอเสียมีควันสีดำ และถ้ามีฝุ่นผงเข้าไปในเครื่องยนต์ จะทำให้เครื่องยนต์สึกหรอได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นควรตรวจสอบและทำความสะอาดไส้กรองอากาศเป็นประจำ

การทำความสะอาดกรองอากาศ

ขั้นตอนในถอดไส้กรองอากาศนั้นขึ้นอยู่กับรถในแต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อ ซึ่งก็แตกต่างกันไปบางรุ่นใช้คลิปล็อค บางรุ่นใช้น็อตเป็นตัวล็อค ก็ต้องดูวิธีการถอดตามรุ่นนั้นๆไปที่สำคัญจำด้วยนะครับถอดออกยังไง ด้านไหนฝั่งไหนเวลาใส่ต้องใส่ให้เหมือนเดิมนะ และระวังสายไฟหรือเซนเซอร์ต่างๆที่อยู่บริเวณนั้นด้วยเดี๋ยวจะงานเข้า จากนั้นให้ดูผิวด้านล่างของไส้กรอง (ด้านที่รับฝุ่น) ถ้าพบว่าสกปรกมากดูแล้วเป่ายังไงก็ไม่ได้สะอาดขึ้นก็ควรเปลี่ยนใหม่ซะ หรือหากทำความสะอาดก็เป่าลมไปที่กรองอากาศฝั่งด้านเครื่องยนต์ อย่าเป่าย้อนทางเพราะมันจะทำให้ฝุ่นละอองต่างๆจะยิ่งฝังแน่นในตัวกรองอากาศจนเอาไม่ออก จากนั้นให้ดูด้านในของตัวเคสของหม้อกรองด้วยหากมีเศษใบไม้หรือสิ่งแปลกปลอมก็ให้หยิบออกห้ามใช้ลมเป่าเด็ดขาดเพราะจะทำให้ผงฝุ่นหรือเศษใบไม้ สิ่งแปลกปลอมหลุดเข้าไปในเครื่องยนต์ได้ งานจะเข้า

การทำความสะอาดกรองอากาศ

โดยปกติ ไส้กรองอากาศรถยนต์ ควรมีการเปลี่ยนทุกๆ ประมาณ 20,000 กิโลเมตร
หรือเร็วกว่านั้นขึ้นอยู่กับการขับขี่ การใช้งาน สภาพถนนซึ่งหากใช้งานในที่ที่มีฝุ่นมาก ก็จะทำให้ไส้กรองอากาศสกปรกได้เร็วขึ้น ซึ่งเมื่อกรองอากาศอุดตันก็อาจทำให้รถมีอาการ เครื่องยนต์กำลังตก เครื่องยนต์สั่น สิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงกว่าปกติ  ไม่อยากให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาแล้วพาให้เครื่องยนต์ไม่สบาย มีเวลาก็หมั่นเช็คหมั่นทำความสะอาดบ่อยๆนะครับ

เครดิต www.kmotors.co.th