พฤติกรรมอันตราย! ที่ทำร้ายรถคุณโดยที่ไม่รู้ตัว

เชื่อได้เลยว่าหลายคนที่มีพฤติกรรมทำร้ายรถ (โดยไม่ได้ตั้งใจ) ถึงแม้ว่าจะไม่เห็นผลในระยะสั้น แต่อาจบั่นทอนอายุการใช้งานในระยะยาวอย่างแน่นอน ส่วนพฤติกรรมที่ว่านั้นจะมีอะไรบ้างลองไปดูกันเลยดีกว่า

•    ขับผ่านหลังเต่าโดยไม่ชะลอ

Speed Hump หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “หลังเต่า” เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่ลดความเร็วลง เนื่องจากเป็นที่ชุมชน หรือในที่ซึ่งจำเป็นต้องขับอย่างระมัดระวัง แต่ก็มีผู้ขับขี่หลายคนขับผ่านหลังเต่าโดยไม่ชะลอความเร็วเท่าที่ควร (หรืออาจไม่แตะเบรกเลยด้วยซ้ำ) ซึ่งมีผลต่อระบบช่วงล่างโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นโช๊คอัพ, สปริง, ลูกหมาก, ปีกนก, แร็ค, ยอยพวงมาลัย ฯลฯ ที่จะต้องรับแรงกระแทกมากกว่าที่ควรจะเป็น โดยทั้งนี้ยังรวมไปถึงขณะขับผ่านทางขรุขระ, ฝาท่อ, คอสะพาน ฯลฯ หากใช้ความเร็วเหมาะสมในการเคลื่อนผ่านสิ่งเหล่านี้ ก็จะช่วยยืดระยะเวลาการเปลี่ยนชิ้นส่วนช่วงล่างได้เป็นอย่างดี

•    สตาร์ทรถไม่ปิดแอร์

 
แม้ว่ารถยนต์ในปัจจุบันจะตัดการทำงานของระบบไฟในรถ รวมถึงพัดลมแอร์ลงชั่วคราวขณะที่มีการสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่การเปิดแอร์ทิ้งเอาไว้จะทำให้คอมเพรสเซอร์แอร์เริ่มทำงานทันทีหลังจาก เครื่องยนต์สตาร์ทติด ซึ่งเป็นช่วงที่รอบเครื่องยนต์พุ่งขึ้นสูง เนื่องจากต้องเพิ่มแรงดันน้ำมันไปหล่อเลี้ยงชิ้นส่วนต่างๆ ทำให้มีการกระชากของคอมเพรสเซอร์แอร์ จึงเป็นการส่งผลให้มีอายุการใช้งานที่สั้นลง

•    จอดรถบนทางลาดชันเป็นประจำ

 
คนใช้รถเกียร์ออโต้จะทราบกันดีอยู่แล้วว่าการจอดรถบนทางลาดชันด้วยเกียร์ P จะทำให้รถไม่ไหล แต่รู้หรือไม่ว่าชิ้นส่วนที่ต้องรับภาระน้ำหนักรถก็คือสลักล็อคเกียร์ชิ้น เล็กๆ เท่านั้น จะสังเกตได้ว่าหากจอดรถบนทางชัน เมื่อดึงคันเกียร์จากตำแหน่ง P มาเป็นเกียร์ R จะมีเสียงดัง กึก ออกมาจากชุดเกียร์ ซึ่งเกิดจากการขัดกันของสลักอย่างรุนแรงนั่นเอง ทางที่ดีหากจำเป็นต้องจอดรถบนทางลาดชัน ให้จอดรถจนนิ่งสนิทเรียบร้อย แล้วจึงดึงเบรกมือขึ้นจนสุดก่อนจะปล่อยเท้าออกจากแป้นเบรก จากนั้นค่อยๆ ปล่อยเบรกเพื่อให้แน่ใจว่ารถไม่ไหลแล้ว จึงค่อยเหยียบเบรกอีกครั้งแล้วใส่เกียร์ P เป็นอันจบขั้นตอนบำรุงรักษาเกียร์แบบง่ายๆ ที่ควรทำให้เป็นนิสัย

•    เร่งเครื่องรุนแรงขณะเครื่องยนต์เย็น


โดยปกติแล้วหากเครื่องยนต์ดับลงน้ำมันเครื่องจะไหลลงไปรวมกันในอ่าง น้ำมันเครื่องด้านล่าง ดังนั้นเมื่อสตาร์ทเครื่องยนต์ตอนเช้าๆ รอบเครื่องยนต์จะพุ่งขึ้นสูงกว่าปกติ เพื่อให้น้ำมันเครื่องขึ้นไปหล่อลื่นตามชิ้นส่วนต่างๆในห้องเครื่องได้อย่าง ทั่วถึง ดังนั้นหากเพิ่งสตาร์ทรถใหม่ๆ จึงไม่ควรเร่งเครื่องอย่างรุนแรงในทันที เพราะจะทำให้ชิ้นส่วนเครื่องยนต์สึกหรอเร็วกว่าปกติ

•    คิกดาวน์บ่อยพังทั้งเครื่องทั้งเกียร์

สำหรับการ ‘คิกดาวน์’ ก็คือการเพิ่มความเร็วด้วยการกดคันเร่งจนมีการทดอัตราเกียร์ต่ำลง (เช่น เกียร์ 3 ไปเกียร์ 2) ซึ่งจะช่วยเรียกพละกำลังของรถให้เพิ่มมากขึ้น ใช้สำหรับการเร่งแซง หรือจังหวะที่ต้องเพิ่มความเร็วแบบทันทีทันใด แต่บรรดาขาซิ่งใจร้อนที่ชอบคิกดาวน์บ่อยๆ รู้หรือไม่ว่านั่นทำให้เกียร์อัตโนมัติพังเร็วกว่าปกติ เนื่องจากการคิกดาวน์จะทำให้มีการสลับเฟืองเกียร์ด้วยแรงบิดที่สูงกว่าปกติ ก่อให้เกิดอาการเกียร์กระชาก ซึ่งเป็นปัจจัยให้เกิดความเสียหายต่อชุดเกียร์ได้มากขึ้น แม้แต่กับเกียร์ระบบ CVT ที่ใช้สายพานเป็นชุดขับเคลื่อนก็เช่นกัน ดังนั้นหากไม่จำเป็นก็ไม่ต้องคิกดาวน์บ่อยๆ แถมยังช่วยรักษาเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันได้มากขึ้นอีกด้วย

เครดิต www.carvariety.com