6 ขั้นตอน “เคลือบกระจกใส” ฝนเทยังไงก็ปลอดภัยชัวร์!

ช่วงนี้บ้านเราเข้าสู่ฤดูฝน หลายพื้นที่ฝนตกหนักวันละหลายเวลา นั่นอาจทำให้การสัญจรไปมาบนท้องถนนเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายขึ้น และสิ่งหนึ่งที่เราไม่ควรมองข้ามคือเรื่องของทัศนวิสัยที่ดีในการขับขี่ ซึ่งส่วนสำคัญคงหนีไม่พ้น “กระจกรถยนต์” โดยเฉพาะบริเวณด้านหน้าที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ดังนั้นการดูแลกระจกรถให้ใสสะอาดจะช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ในยามที่ ทัศนวิสัยไม่ดีเพิ่มมากขึ้นไปด้วย ซึ่งนอกจากการล้างทำความสะอาดทั่วๆ ไปแล้ว “การเคลือบกระจก” ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่เราควรให้ความสำคัญ ไม่น้อยไปกว่าการเคลือบสีรถให้ดูเงางาม

ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกับน้ำยาที่ใช้เคลือบกระจกกันก่อน น้ำยาเคลือบกระจกรถยนต์ประกอบด้วยตัวน้ำยาที่ใช้เคลือบบนผิวกระจก ซึ่งมีคุณสมบัติในการสร้างชั้นฟิล์มบางๆ สำหรับป้องกันฝุ่นเกาะ และทำให้น้ำฝนไม่เกาะติดที่กระจก หากคุณขับรถด้วยความเร็วประมาณ 45 กม./ ชม.ขึ้นไป เม็ดน้ำฝนที่เคยตกลงบนกระจกจะวิ่งผ่านทางไปด้านข้างรวดเร็วขึ้น โดยที่คุณไม่จำเป็นต้องใช้ที่ปัดน้ำฝนเลย นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันฝนกรด หรือคราบหินปูนที่อาจจะกัดกร่อนเข้าเนื้อกระจก และในบางยี่ห้อน้ำยาเคลือบยังช่วยป้องกันกระจกฝ้ามัว ที่มักเกิดขึ้นเวลาฝนตกเนื่องจากอุณหภูมิความชื้นภายในและภายนอกรถแตกต่าง กัน โดยแยกออกเป็นสองแบบ คือ ฝ้าที่กระจกรถด้านนอกเกิดจากอุณหภูมิภายนอกสูงกว่าภายใน และฝ้าที่กระจกด้านในเกิดจากอุณหภูมิภายในรถสูงกว่าภายนอก

ขั้นตอนการเคลือบกระจกรถยนต์ที่ใครๆ ก็ทำได้ด้วยตัวเองมาฝาก ดังนี้

  1. ก่อนอื่นเลยให้ยกใบปัดน้ำฝนของรถยนต์ขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อความสะดวกในการชะล้างขั้นแรกอย่างหมดจดในทุกซอกทุกมุมของกระจก
  2. ล้างกระจกรถด้วยแชมพูล้างรถ โดยระหว่างล้างให้ลองเอามือลูบๆ ลงบนผิวกระจก เพื่อเช็คว่ามีสิ่งสกปรกติดอยู่หรือไม่ ถ้าหากมี ให้ทำความสะอาดจนผิวกระจกเรียบเสมอกัน หลังจากนั้นใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดให้แห้ง
  3. หาเทปสำหรับปิดขอบยาง ขอบคิ้วกระจก เพื่อกันน้ำยาเคลือบไปโดน ลักษณะเทปควรเป็นเทปกาวที่ใช้สำหรับทำสีรถ
  4. เทน้ำยาเคลือบกระจกลงบนผ้า หรือฟองน้ำละเอียด เช็ดกระจกเป็นวงเล็กๆ ทีละส่วน โดยไล่จากบนลงล่าง ขณะเช็ดกระจก ระวังอย่าให้โดนสี หรือชิ้นส่วนอื่นๆ ที่ไม่ใช่กระจก หากน้ำยาไปโดนส่วนอื่นควรเช็ดออกโดยทันที และทำความสะอาดกระจกด้วยน้ำยาเช็ดกระจกอีกครั้งหนึ่ง
  5. รอน้ำยาทำปฏิกิริยากับกระจกจนเงาและขึ้นฝ้า ประมาณ 5 นาที
  6. ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์หรือผ้าแห้งขนนุ่มเช็ดจนกระจกใส และไม่หลงเหลือคราบฝ้าของน้ำยาเคลือบบนกระจกรถ

สำหรับใครที่เคยได้ยินปัญหาของการเคลือบกระจกรถ กลัวว่าเคลือบไปแล้วยางปัดน้ำฝนจะสะดุด เราขอแนะนำให้เช็คสภาพกระจกก่อนเคลือบน้ำยา โดยทำความสะอาดกระจกให้สะอาดเอี่ยมและไม่มีเศษฝุ่นผงเหลือตกค้างอยู่ ที่สำคัญควรเช็คสภาพยางปัดน้ำฝนก่อนว่ายังยืดหยุ่นดีอยู่ไหม แต่หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นระหว่างการเดินทางกับกระจกรถของคุณ เช่น พวกเศษหินที่กระเด็นมาจากรถที่วิ่งสวนทาง หรือขับตามรถบรรทุกหินทราย แล้วเกิดรอยแตกร้าวกับกระจก

เครดิต www.carvariety.com