ALA สุดยอดแห่งระบบ Aerodynamic อัจฉริยะสูตรลับของ Lamborghini

เมื่อไม่นานมานี้ ค่ายกระทิงดุ Lamborghini ได้ปลดแอกพันธนาการแห่ง Huracan น้องใหม่สายเลือดกระทิง จนกลายเป็น Huracan Performante ที่จัดเต็มความแรงยิ่งกว่ารุ่นไหนๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ติดตัวมาด้วยทำให้มันกลายเป็นรถที่ถูกจับตามองมากที่สุดในปัจจุบัน จนกระทั่งล่าสุดที่มันประกาศศักดา ด้วยการทลายสถิติของ Aventador SV ที่สนาม Nürburgring ด้วยเวลาเพียง 6.52 นาทีเท่านั้น ด้วยเครื่อง V10 ที่โดนปลดโซ่ตรวจพันธนาการ บวกกับอีก 1 เทคโนโลยีอัจฉริยะ กับเจ้า Aerodinamica Lamborghini Attiva ระบบ Aerodynamic สุดอัจฉริยะที่ถูกออกแบบมาเฉพาะ Huracan Performante เท่านั้น เรามาดูกันดีกว่าครับว่าเจ้า ALA มันคือะไร แล้วช่วยเรื่องอะไรบ้าง

สำหรับ ALA หลักการทำงานของมันก็เหมือนๆ กับ Aerodynamic ทั่วไป นั่นคือ การสร้าง แรงกด ให้กับรถ แต่ทว่าจุดเด่นของมันจริงๆ คือ การออกแบบให้มันสามารถแปรผันทางเดินของลมได้ หากเพื่อนๆ ยังไม่เข้าใจ มันคือ การทำงานแบบเดียวกับ กับควบคุมอากาศของเครื่องบินนั่นเองครับ นั่นก็หมายความว่า กระทิงตัวนี้ มีความสามารถในการควมคุมอากาศรอบๆ ตัว มาเป็นแรงกดเวลาเร่งความเร็วและเวลาเข้าโค้ง เพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นนั่นเอง โดยที่ ALA แบ่งได้เป็น 2 ส่วน คือ ส่วนของสเกิร์ตหน้า และ ส่วนของสปอยเลอร์หลัง นั่นเองครับ

สเกิร์ตหน้า / Front Active Spoiler

ในส่วนนี้ จะมีแผ่น Frap อยู่ที่ด้านหน้าของตัวรถ ทำงานโดยระบบมอเตอร์ไฟฟ้า เพื่อจะทำการ ปิด-เปิด แผ่น Flap ในกรณีที่ปิดแรงกดอากาศจะวิ่งผ่านทั้ง 2 ฝั่ง ของตัวสเกริต์ ทำให้เกิดแรง Downforce มหาศาล ช่วยจับหน้ารถให้นิ่งทั้งเวลาใช้ความเร็วสูงและเข้าโค้ง High Speed อีกด้วย แต่…มันจะเปิดในกรณีที่มีการลดความเร็ว และเร่งขึ้นอย่างฉับพลัน เช่น เวลาออกจากโค้ง เป็นต้น แผ่น Flap จะเปิดออกเพื่อให้อากาศที่เข้ามา ไหลลงไปยังใต้ท้องรถ ทำให้อากาศที่มากดด้านหน้าลดน้อยลงให้สามารถแหวกอากาศได้ดีขึ้นนั่นเองครับ

สปอยเลอร์ / Rear Active Wing

สำหรับชิ้นนี้ บอกเลยว่าเป็น Spoiler หลัง ที่สามารถความคุมอากาศได้เป็นอย่างดี โดยที่หลักการทำงานของมัน ก็จะออกไปในแนวทางเดียวกับ สเกิร์ตหน้า นั่นคือ ภายในขายึดของสปอยเลอร์ จะมีช่องระบายอากาศอยู่ ทำให้ในกรณีที่ใช้ความเร็วสูง แผ่น Flap จะปิดเพื่อช่วยสร้างแรงกดท้าย ทำให้เกิดแรงกดที่ล้อหลังเพื่อให้รถมีความสมดุลมากที่สุด แต่…ถ้าแผ่น Flap ถูกเปิดออก จะมีอากาศไหลเข้าไปภายในของขายึดทำให้แรงกดที่ท้ายรถลดลง ส่งผลให้อัตราเร่งดีขึ้นมากครับ ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีการทำงานแบบ Aero Vetoring เข้ามาช่วยในขณะที่รถเข้าโค้ง โดยที่ Flap จะแบ่งการทำงาน เช่น รถเข้าโค้งซ้าย แผ่น Flap ทางซ้ายจะปิด แต่ทางขวาจะเปิด เพื่อให้ทางซ้ายมีอากาศเข้ามากดที่ฝั้งซ้ายแต่กลับกันที่ฝั่งขวา Flap จะถูกเปิด ทำให้เกิดแรงยกที่ฝั่งขวา ส่งผลให้ขณะที่ออกจากโค้ง รถจะมีแรงยกที่จะช่วยให้รถแหวกอากาศออกไปได้เร็วกว่าเดิม

ALA system ON-OFF

สรุปแล้ว…การทำงานของระบบ ALA จะทำงานผสานระหว่างการสร้าง Downforce และ Liftforce ที่ช่วยในทั่งเรื่องของการผยุงตัวรถ และช่วยส่งให้รถแหวกอากาศออกไปได้ดียิ่งขึ้น โดยที่เบื้องหลังระบบทั้งหมด คือ เจ้าสมองกล LPI หรือ Lamborghini’s Piattaforma Inerziale ที่ทำหน้าที่ควบคุม Flap ทั้งหมด ในเวลาเพียง 0.5 วินาที เท่านั้น นอกจากนี้ หาก ALA system OFF ยังสามารถเพิ่มแรงกดให้รถหยุดได้ดีกว่าเดิมถึง 750% เลยทีเดียวครับ

เครดิต www.boxzaracing.com