รถโหลดเตี้ย ล้อแบะ เกาะถนนจริงหรือไม่

แนวทางหรือความนิยมในการตกแต่งรถยนต์ของวัยรุ่นเด็กแนว นอกจากชอบท่อเสียงดังๆ โล่งๆ ตีเฮดเดอร์แล้วม้าโผล่มาอีกนิดหน่อยพร้อมเสียงดังกระหึ่มเวลากดคันเร่งจะ รู้สึกสาแก่ใจมากกว่าการใช้ท่อแบบปกติที่มีแคตตาไลติกคอนเวอร์เตอร์ติดตั้ง มาด้วย นอกจากจะเปลี่ยนท่อระบายทิ้งทั้งเส้น จูนกล่องปรับเพิ่มแรงม้า เปลี่ยนท่อทางของระบบระบายความร้อนแล้ว ช่วงล่างล้อและยางก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางการตกแต่งรถยนต์ที่ได้รับความนิยมสูง มากๆ ไม่ว่าจะถอดสปริงกับโช้คเดิมๆ ออกแล้วแทนที่ด้วยโช้คหรือสปริงแต่งลดระดับความสูงซึ่งคิดว่ามีประสิทธิภาพ ดีกว่าของเดิมๆ ติดมากับรถ ล้อเดิมจากโรงงานแม้จะสวยแต่ยังไม่ถูกใจวัยโก๋เนื่องจากล้อเดิมๆ นั้นมีขนาดเล็กเกินไปทำให้เหมือนรถจ่ายกับข้าวแทนที่จะเป็นรถแข่งพลังสูง! ก็ต้องดิ้นรนหาล้อและยางที่มีขนาดใหญ่ขึ้น แถมยังมีราคาแพงเฉียดแสนหรือเป็นแสนๆ แล้วแต่ยี่ห้อของล้อและยาง ยิ่งใหญ่เท่าไรก็ยิ่งโดนใจมากเท่านั้น ถึงจะขับยากจนแทบจะคลานก็ยอมขอให้ลูกสุดที่รักสวยไว้ก่อนเป็นพอใจ

การลดระดับความสูงหรือโหลดเตี้ยนั้นแบ่งออกเป็นสองระดับก็คือ โหลดเตี้ยลดความสูงลงพองามหรือพอหอมปากหอมคอ ไม่เตี้ยติดดินเป็นไก่แจ้ การลดความสูงแค่ 1-2 นิ้วด้วยการเปลี่ยนแค่สปริงแต่งที่ไม่เตี้ยมากและไม่กระเทือนซางมากจนเกินไป รวมถึงไม่กระทบกับระยะยืดหรือยุบตัวของโช้คอัพ จุดศูนย์ถ่วงของรถคันนั้นจะลดลง รถจะโคลงตัวน้อยลง มีความลำบากในการขึ้นลานจอดรถไม่มากหรือไม่มีผลกระทบเพราะไม่ได้โหลดจนเตี้ย แทบจะกองอยู่บนพื้นถนน ส่วนการโหลดเตี้ยแบบที่สองนั้น เป็นพวกนักเลงรถที่ชอบฝืนธรรมชาติ ยิ่งเตี้ยเท่าไรก็ยิ่งสาแก่ใจเท่านั้น เป็นพวกเร็วทางเรียบ ย่องทางแย่ หรือแทบจะคลานเมื่อเจอเข้ากับผิวถนนที่ขรุขระเป็นหลุมบ่อ

เมื่อโหลดจนเตี้ยติดพื้นมากเกินไปมักทรงตัวไม่ได้เรื่อง ช่วงล่างของรถยนต์นั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาให้เตี้ยจนกองติดพื้นเหมือนรถแข่ง ยิ่งวิ่งก็ยิ่งกระเด้งกระดอน หัวโยกหัวคลอนไปตลอดทาง รับญาติผู้ใหญ่ พ่อแม่ปู่ย่าตายายขึ้นรถแต่ละครั้งก็โดนสวดชยันโตทุกครั้งไป โดยเฉพาะคนที่เป็นริดสีดวงนั้น แทบจะนั่งกันไม่ลงเลยทีเดียว!! เตี้ยมากจนเกินไปสิ่งที่จะกระจายเป็นอันดับแรกก็คือลิ้นหน้าหรือชายล่างของ สปอยเลอร์หน้าราคาแพง ซึ่งบางคนแต่งด้วยงานคาร์บอนไฟเบอร์ รับรองว่าขับได้ไม่นานจะต้องครูดจนหลุดหรือแตกกองอยู่กับพื้นอย่างแน่นอน

โช้คอัพและสปริงเดิมๆ จากโรงงานนั้นถูกคำนวณค่าทางวิศวกรรมให้มีความเหมาะสมกับประสิทธิภาพของรถ คันนั้นๆ รถที่มีเครื่องยนต์สมรรถนะสูงจะมีช่วงล่างที่ค่อนข้างกระด้างแต่ไม่ได้แข็ง โป๊กเหมือนซุปเปอร์คาร์แต่ก็จะแข็งกว่ารถทั่วไป ส่วนรถบ้านรถจ่ายกับข้าวที่มีเรี่ยวแรงไม่มาก มีม้าแค่ร้อยกว่าตัวพร้อมเครื่องยนต์กะทัดรัดตัวเล็กนิดเดียวมักจะมีช่วง ล่างที่ยืดหยุ่นมากกว่ารถสปอร์ตพลังสูง ช่วงล่างของรถทั่วๆ ไปจะมีความนุ่มนวลเมื่อขับผ่านทางไม่เรียบก็ยังนั่งสบายไม่กระแทกจนแทบจะแยก ออกทั้งคันเหมือนรถซิ่งโหลดเตี้ย ล้อและยางเดิมๆ ก็มีขนาดที่พอดีกับย่านของกำลังและการออกแบบช่วงล่าง

สมัยก่อนที่ยังไม่มีโช้คหรือสปริงแต่งแพร่หลายเหมือนตอนนี้ ในยุครถซิ่งหน้าเดอะพาเลซนั้นนักเลงรถบางคนหาสปริงแต่งไม่ได้ก็เล่นทางลัด ด้วยการตัดสปริงทำให้รถเตี้ยลงทันตาเห็น แต่ค่าการยืดยุบของสปริงก็จะเพี้ยนตามไปด้วยโดยจะแข็งขึ้นมากจนแม้แต่วิ่ง ทางเรียบๆ ก็ยังกระเด้ง!! สำหรับล้อในยุคนั้นไม่มีล้อแต่งขายถึงมีก็แพงมาก จึงเล่นวิธีผ่าล้อกระทะเหล็กเอาเอง ส่วนโช้คอัพนั้น หากเป็นโช้คเดิมๆ ไม่ใช่โช้คแต่ง เมื่อจับคู่กับสปริงที่ถูกตัดระยะทางเดินของปีกนกจะลดลงในขณะที่ความยาวของ โช้คยังเท่าเดิม มีสิทธิที่สปริงจะหลุดจากเบ้าเมื่อถูกกระแทกหรือตกหลุมแล้วรถลอยขึ้นจากการ ขับแบบซิ่ง การเปลี่ยนโช้คอัพพร้อมๆ กับสปริงแต่งที่เข้าคู่กันจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแต่ก็ยังมีราคาแพงแรง เกินไปสำหรับสปริงกับโช้คอัพแต่งยี่ห้อดังๆ นั้น เล่นกันเป็นแสน เสียเงินเสียทองกันอีกเยอะ

โช้คอัพแต่งยี่ห้อดังๆ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถรุ่นนั้นๆ ดูจะน่าใช้กว่าโช้คอัพและสปริงแบบสตรัทปรับเกลียวของรถแข่ง การปรับค่าความสูงและค่าความแข็งอ่อนให้เท่ากันทุกล้อนั้นทำได้ยาก ต้องให้ช่างที่มีความชำนาญทำการเซตช่วงล่างให้วิ่งได้ในแต่ละสภาพผิวถนน ส่วนใหญ่จะปรับตั้งแบบผสมไม่แข็งจนเกินไปคล้ายรถแข่ง แต่พอเจอทางขรุขระก็ไปไม่เป็นเหมือนกันจากความกระด้างคล้ายดามด้วยไม้กระดาน
โช้คอัพแบบสตรัทปรับเกลียวปรับตั้งได้จึงเหมาะกับพวกเซียนรถที่ชอบขับเร็ว และเอารถลงไปวิ่งในสนามแข่งบ่อยครั้ง มีความรู้เรื่องการปรับตั้งช่วงล่างพอสมควร ส่วนพวกที่ไม่เป็นอะไรมาเลยก็ควรจะเลือกใช้โช้คและสปริงแต่งที่ไม่เตี้ย มากรวมถึงยังออกแบบมาเฉพาะสำหรับรถรุ่นที่ใช้อีกด้วย แบบนั้นก็จะขับสบายไม่เด้งหน้าเด้งหลังหัวโยกหัวคลอนนั่งไม่เป็นท่าเป็นทาง หรือกระเด้งไปตลอดทางจนไม่มีใครอยากโดยสารไปด้วย!

ล้อและยางที่ใหญ่เกินไปนอกจากจะแพงขึ้นมากแล้วยังขับได้ลำบากยากเย็นแสน เข็ญอีกด้วย ล้อขอบ 20 นิ้วกับยางแก้มเตี้ยแค่ 30 นั้น หากวิ่งไปตกหลุมแรงๆ ก็จะคดหรือดุ้งทันทีแม้จะเป็นล้อแท้ราคาแพงก็ไม่รอด ยางเส้นเขื่องก็เช่นกัน ขับไปเบียดกับขอบฟุตปาทเบาๆ แก้มยางก็แตกร้าวถึงกับต้องทิ้งกันทั้งเส้นก็มีให้เห็นอยู่ไม่น้อย ยางขอบ 20 นิ้วนั้นมีราคาแพงกว่ายางขอบ 18 หลายเท่า บางเส้นแพงถึงเส้นละ 3-4 หมื่นบาทก็มี แก้มที่เตี้ยมากของยางไซส์ 20 นิ้ว หากวิ่งไปเจอเข้ากับผิวถนนแย่ๆ ก็แทบจะไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว ปัจจุบันเห็นว่ากระบะคันโตหรือพวกพีพีวี-เอสยูวียักษ์นิยมเอามาใส่โชว์ความ หล่อ แต่ขอบอกเลยว่าขับใช้งานยากโคตรๆ สุดท้ายก็เห็นเปลี่ยนกลับมาใส่ล้อและยางเล็กลงกันทั้งนั้น ขาแรงที่ชอบแต่งแบบใส่ล้อโตๆ แล้วแบะเยอะๆ จูนช่วงล่างให้มีมุมแคมเบอร์ที่เป็นลบมากๆ ยิ่งมากเท่าไรยิ่งชอบ ก็ยิ่งขับยากมากขึ้นเท่านั้น แถมมุมแคมเบอร์ที่ลบมากนั้นยังกินยางให้สึกไม่เท่า โดยจะกินยางด้านในมากกว่าขอบนอกของหน้ายางที่แทบจะไม่ได้สัมผัสกับพื้นถนน การเปลี่ยนล้อกับยางให้ใหญ่ขึ้นแต่ไม่มากนัก เช่น ล้อและยางเดิมๆ ขอบ 16 ก็เปลี่ยนให้ใหญ่ขึ้นเล็กน้อยแค่ 17 หรือ 18 นิ้วก็พอที่จะขับใช้งานได้ไม่ลำบากตรากตรำเหมือนล้อและยางวงโตที่เดี๋ยววิ่ง เดี๋ยวแตกน่ารำคาญ ก่อนจะเปลี่ยนก็ดูให้ดีๆ ว่าใส่ไปแล้วเลี้ยวได้หรือเปล่า หลายคนไม่ตรวจดูให้ดีๆ พอใส่เข้าไปก็สีเข้ากับแก้มข้างจนยางแหกยับเสียเงินหนักเข้าไปอีก

รถที่โหลดเตี้ยจนล้นช่วงล่างจะเต้นมากจนขาดการยึดเกาะที่ดี การบังคับควบคุมจะออกมาในแบบแย่หรือเลวร้ายกว่าช่วงล่างเดิมๆ ที่ยังไม่ได้ทำ แค่เปลี่ยนโช้คอัพที่ออกแบบมาสำหรับรถรุ่นนั้นๆ พร้อมล้อและยางที่ไม่ใหญ่มากจนเกินไปก็พอ รถจะเกาะถนนดีขึ้นเห็นๆ แต่ก็จะมีความกระด้างมากกว่ารถเดิมๆ เนื่องจากความหนืดของโช้คแต่ง ล้อและยางที่โตขึ้นแถมยังยัดยางแก้มเตี้ยก็ช่วยทำให้สะเทือนขึ้นด้วยเช่นกัน สำหรับรถแข่งที่มักจูนช่วงล่างให้มีมุมแคมเบอร์แบบลบนั้นก็ขึ้นอยู่กับสภาพ ของสนามแข่งในแต่ละสนามที่มีโค้งแตกต่างกันออกไป การทำให้มุมแคมเบอร์เป็นลบก็เพื่อทำให้หน้ายางยังตั้งฉากกับผิวแทรคเมื่อ ซิ่งผ่านโค้งจะได้ไปเร็วขึ้นได้

มุมลบของแคมเบอร์ในรถแข่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับผังสนาม ความแข็งของสปริงและโช้คอัพ รวมถึงเหล็กกันโคลง เมื่อจูนรถแบบนั้นแล้วเอาออกมาวิ่งบนถนนปกติที่ไม่ได้เรียบเหมือนผิวแทรคก็ จะเกิดปัญหาในการขับขี่ขึ้นมาทันที มากบ้างน้อยบ้างขึ้นอยู่ว่าหุบหรือแบะมาขนาดไหน เล่นล้อหุบเข้าในซุ้มมากจนเกินไปเวลาวิ่งเหมือนรถพิการเข้าไปทุกที มุมแคมเบอร์ลบเพิ่มการสึกหรอของหน้ายางด้านใน ลดแรงฉุดลากบนทางตรง อัตราเร่งและประสิทธิภาพในการเบรกก็จะแย่ลงเนื่องจากการขับบนทางตรงไม่ได้ เข้าโค้งเหมือนสนามแข่งไปจำกัดหน้าสัมผัสของยาง ข้อดีของมุมแคมเบอร์ลบจะมีก็แค่การขับเข้าโค้งเท่านั้น ข้อควรระวังก็คือ ปรับเป็นลบให้น้อยเข้าไว้สำหรับรถแต่งที่ไม่ใช่รถแข่ง ขับแบบเดิมๆ ก็ดีอยู่แล้วแต่ไม่ชอบต้องดิ้นรนเสียเงินเสียเวลาเรียนรู้กันอยู่นาน เป็นเรื่องของคนชอบแต่งรถที่ขึ้นอยู่กับวัย พอแก่ตัวไปก็จะเข้าใจได้เอง

เครดิต www.carvariety.com