6 สกิลสุดเซอร์ไพรส์ในการขับรถ

หาสุดยอดนักขับ Porsche License to Thrill

Porsche คัดเลือกนักขับทางทั่วทุกมุมโลกสู่การเป็นสุดยอดนักขับประจำปีซึ่งถูกจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2017 นี้ สำหรับภูมิภาคของเรา ทาง Porsche Asia-Pacific ก็ได้มีการคัดเลือกบรรดานักขับจากหลากหลายชาติมาประชันฝีมือกันที่สนาม Sepang International Circuit ประเทศมาเลเซีย

Porsche Asia-Pacific เริ่มทำการคัดเลือดตั้งแต่หลายเดือนก่อนผ่านหน้าเว็บไซต์ด้วยคำถามที่ถ้าไม่ใช่แฟนตัวจริงก็คมตอบกันไม่ได้(สารภาพว่าต่อให้เปิด Google หาก็ยังยากเลย) หลังจากผ่านข้อสอบทฤษฎีเขาก็จะคัดเอาผู้เข้าแข่งขันที่ถูกขัดเลือกมาถึงภาคปฏิบัติกันที่สนามแข่งของจริง

Porsche License to Thrill ไม่ใช่กิจกรรมเพื่อหาว่าใครคือนักขับที่ขับได้เร็วที่สุด แรงที่สุด หรือยอดฝีมือที่สุด แต่ทีมงานจะสร้างสถานีฝึกขึ้นมา 6 รูปแบบ เพื่อใช้วัดทักษะการขับขี่ในรูปแบบที่คุณเองก็คาดไม่ถึงว่าจะได้เจอ

ผู้เข้าชิงตำแหน่งสุดยอดนักขับของภูมิภาค APAC ในครั้งนี้ถูกคัดเลือกมาจากมากมายหลากหลายประเทศทั้ง มาเลเซีย อินโดนีเซียน ไต้หวัน บรูไน ไทย และอื่นๆ รวมแล้วเกือบ 30 ชีวิตมารวมชิงชัยกัน แต่การจะเป็นผู้ชนะไม่ใช่เรื่องง่ายแค่การจะผ่านแต่ละด่านไปก็ยากแล้ว

ด่านทดสอบแบ่งออกเป็น 6 ด่าน 3 ด่านในช่วงเช้า และ 3 ด่านในช่วงบ่าย มีทั้งการขับในสนามแข่ง ทางออฟโร้ด และเซอร์ไพรส์แปลกๆ ที่เล่นเอาผู้เข้าแข่งขันเวียนหัว

  1. Track Challenge
  2. คุณจะได้ขับขี่ในสถานแข่งระดับโลกอย่าง Sepang International Circuit แต่แค่ครึ่งสนามนะ สถานีนี้จะให้คุณดึงความสามารถในการขับขี่ของคุณออกมาและก้าวข้ามทักษะที่คุณมีขึ้นไปอีกระดับด้วยการแนะนำของผู้คุมสถานีโดยสุ่มรถให้กับผู้เข้าแข่งขันแต่ละคน

    Porsche 911 4S 3 รุ่นย่อยถูกวางให้เป็นรถประจำสถานีในการขับขี่ด่านนี้ทั้ง Carrera, Targa และ Carrera Cabriolet เจ้าหน้าที่ประจำสถานีจะแนะนำการขับขี่และนั่งไปกับเราตลอดช่วงสนามเพื่อจับเวลาในรอบที่ดีที่สุดของเราก่อนที่การทดสอบจะเริ่มขึ้น

    “คุณต้องขับให้เร็วขึ้นอีก 10 วินาที” นั่นคือคำขดจากเจ้าหน้าที่ประจำสถานีจากเวลาที่เราทำได้ราว 1’36 นาที เราต้องขับขี่ในรอบถัดไปให้ได้ 1’26 นาที โดยที่พอจบการทดสอบเราจะไม่รู้ว่าเวลาที่เราทำได้คือเท่าไร

    เซปังฯ ขึ้นชื่อเรื่องความหลากหลายของโค้งทั้งโค้งเอสแปลกๆ โค้งไฮสปีดกว้างๆ และโค้งแคบที่หากเบรกมากไปก็จะทำให้ออกจากโค้งได้ช้า เจ้าหน้าที่สนามจะคอยแนะนำในจุดที่เราบกพร่องเพื่อให้เราขับขี่ได้เร็วขึ้นกว่าเดิม

  3. OFF-ROAD Challenge
  4. Cayenne Turbo คือรถที่ถูกนำมาใช้ในสถานีนี้ เส้นทางออฟโร้คถูกเซ็ตไว้หลากหลายรูปแบบทั้งทางขระขรุ หินลอย ต้องหักลงเนินชัน ปีนขึ้นเนินสูงและตะแคงไต่แบริเออก่อนกลับมาที่จุดเริ่มต้นไปเวลา 4 นาที

    Porsche Cayenne Turbo ที่มีเทคโนโลยีและฟังก์ชั่นในการขับขี่บนทางออฟโร้ดมากมายน่าจะทำให้ผู้เข้าแข่งขันทุกท่านผ่านอุปสรรคไปได้ง่ายๆ เผลอ ไม่ต้องถึง 2 นาทีก็จบรอบสนามแล้วด้วยซ้ำ แต่อะไร ไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น

    หน้ากระโรปงรถแต่ละคันจะมีกระบอกพลาสติกถูกยึดเอาไว้และจะถูกเติมน้ำให้เต็มขอบทุกครั้งก่อนออกไปบนเส้นทางออฟโร้ด เข้าใจถูกแล้วล่ะครับ ในเวลา 4 นาทีเราต้องขับขี่บนเส้นทางวิบากกรรมนี้โดยที่ทำน้ำกระฉอกออกมาให้น้อยที่สุด

    ความยากอยู่ที่ต่อให้คุณพยายามประคองมาแทบตาย แต่ถ้าคุณพลาดไปเหยียบหินลอยแค่ก้อนเล็กๆ ก้อนเดียวจนกระเด้งกระดอน ความพยายามแทบตายจะกลาเยป็นความบรรลัยในทันที สถานีที่ดูง่ายๆ ไม่มีอะไรกลับกลายเป็นสถานีที่ท้าทายความสามารถและยากอย่างคาดไม่ถึง

  5. Reverse Gymkhana
  6. คุณเคยเห็นคลิป Porsche Macan GTS ขับสลาลอมหลบหลีกสิ่งกีดขวางแบบถอยหลังแล้วรึยัง Bamber ผู้น้องได้วาดลวดลายในแบบที่เราคาดไม่ถึงไว้ในคลิปโปรโมตดังกล่าวซึ่งเราก็มไ่คิดว่าจะต้องมาเจอกับตัวเองในวันนี้

    รถที่ให้ใช้ในสถานีนี้ก็คือรุ่นเดียวกับที่ Will Bamber ใช้เป๊ะๆ นั้นคือ Porscher Macan GTS และ Cayenne GTS ซึ่งกระมองบานหลังของรถทั้งสองคันจะถูกสติกเกอร์สีดำปิดทึบสนิทไม่มีโอกาสให้ได้มองเห็นอะไรทั้งสิ้นดังนั้นกระจกมองหลังกลายเป็นของไร้ประโยชน์ไปในทันที

    เจ้าหน้าที่สถานีไม่ได้เซ็ตกรวยสำหรับสลาลอมเอาไว้ยากแบบในคลิปด้านบน ง่ายกว่านั้นเยอะ แค่ถอย ซ้าย กลับรถ ซ้าย ขวา ซ้าย ขวาซ้าย กลับรถ โดยใช้แค่กระจกข้างและกล้องมองหลังโดยใช้เวลาน้อยที่สุด ฟังดูง่ายใช่ไหมล่ะ ปีหน้าลองมาเจอด้วยตัวเองดู

  7. Panamera Challenge
  8. หลังจากเวียนหัวในการขับReverse Gymkhana เรายังต้องเจอเซอร์ไพรส์สุดปวดหัวอีกครั้งในสถานีนี้ ทีแรกเราก็คิดว่าจะได้ขับขี่ Panamera 4S, Panamera Turbo กันแบบชิลล์ๆ ในครึ่งสนามที่เหลือหลังจากที่ช่วงเช้าเราได้รับครึ่งสนามฝั่งเหนือไปใน Track Challenge

    เจ้าหน้าที่สนามปล่อยเราขับ Panamera อย่างสบายใจสบายอารมณ์ก่อนจะให้พักครู่หนึ่งแล้วเรียกทุกคนขึ้นมานั่งบนรถพร้อมกับภารกิจสุดเซอร์ไพร์สใน Hot Laps สองรอบสนามที่เล่นเอาเราแทบอ้วก

  9. Painting Challenge
  10. ยังไม่หายเวียนหัวจะอ้วกกันดีเราก็มาต่อกันที่สถานีเกือบสุดท้ายสู่การเป็นสุดยอดนักขับของ Porsche ใน Porsche License to Thrill นั้นคือการขับ 718Boxster ให้เป็นเลขรหัสของรถรุ่นนี้ในพื้นที่ที่กำหนดในเวลาที่เร็วที่สุดและให้ภาพออกมาสวยที่สุด

    อีกหนึ่งสถานีพืสูจน์ทักษะและความสามารถที่เหมือนจะง่าย คุณต้องคิดให้ละเอียดรอบคอบว่าจะเริ่มต้นที่จุดไหนและจะวาดตัวเลขให้ครบทั้ง 3 ตัวได้อย่างไรในเวลาที่รวดเร็วที่สุด และแน่นอนว่าต้องออกมาสวยที่สุดด้วย

  11. Breaking Challenge
  12. สถานีที่ทั้งชีวิตแขวนอยู่บนแป้นเบรก Porsche 911 Turbo และ 911 Turbo S มีสมรรถนะที่ต่างกันโดยเฉพาอย่างยิ่งขึ้นระบบเบรคที่ 911 Turbo S เหนือกว่าในรุ่น Turbo อยู่มากจนเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ๋ว

    สถานีนี้ชีวิตของไข่ไก่แขนอยู่บนแป้นเบรกของคุณ เมื่อคุณต้องเป็นคนกำหนดชีวิตของมันด้วยการเหยียบแป้นเบรกสุดแรงเพื่อให้รถหยุดนิ่งสนิทใกล้กรวยที่มีไข่ไก่วางอยู่ด้านบนมากที่สุด

    เรี่ยวแรงอันมหาศาลของ Porsche 911 ทำให้แม้มีตำแหน่งกรวยช่วยกะระยะสายตาก่อนถึงจุดที่จะเบรกให้นิ่งสนิทใกล้ไข่ไก่มากที่สุด การกะระยะเบรกก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเพราะวัตถุรอบตัวรถจะเคลื่อนผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่อคุณเหยียบแป้นคันเร่งจนมิด

    เจ้าไข่ไก่โชคดีรอดตายมาได้ในรอบของผมแต่ไข่ไก่อีกหลายต่อหลายฟองค้องลงลงไปกองเละอยู่ที่ผิวแทร็คของสนามแข่งระดับโลก

    6 สถานีที่ไม่ใช่แค่การแข่งขันเพื่อหาคนที่ขับรถได้เร็วที่สุดหรือเก่งที่สุดแต่ต้องเป็นคนที่มีทักษะที่ดีที่สุดและรู้จักประยุกต์และวางแผนในการแข่งขันได้ดีที่สุด แต่ถึงคุณไม่ได้ชนะในการแข่งขันนี้ก็เชื่อว่าเมื่อจบวันผู้เข้าร่วมการแข่งขันทุกคนจะได้ประสบการณ์ดีๆ และยังได้อัพเลเวลทักษะการขับขี่ไปพร้อมๆ กัน

    ผู้เข้าร่วมการแข่งขันของในฐานะตัวแทนของเมืองไทยเองถึงกับออกปากว่าเป็นกิจกรรมที่สนุกและปีหน้าเราจะลงฝึกฝีมือเพื่อเพิ่มทักษะการขับขี่ใน Porsche Driving Academy

เครดิต www.autospinn.com