เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัยต่างๆ

ปัจจุบันสิ่งสำคัญในการเลือกซื้อรถยนต์ซักคัน นอกจากราคา, ขนาด และประเภทของรถยนต์แล้ว อีกสิ่้งหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือระบบความปลอดภัยต่างๆ ที่แต่ละค่ายรถยนต์ก็พยายามคิดค้นมาเพื่อติดตั้งในรถยนต์ให้เหนือกว่าคนอื่น ซึ่งหลายอย่างก็เป็นที่คุ้นเคยอยู่แล้วอย่างเช่น ABS, Airbag เป็นต้น แต่หลายอย่างอาจจะเคยด้ยินแต่ไม่รู้ว่ามันทำงานอย่างไร วันนี้เรามาลองดูเป็นตัวอย่าง เพื่อให้เรารู้จักกันมากขึ้นดีกว่าครับ

ABS

Anti-Lock Brake System หรือเรียกกันง่ายๆว่า ABS น่าจะเป็นระบบที่เราเคยได้ยินกันบ่อยมากที่สุดแล้ว เพราะเป็นระบบความปลอดภัยที่เป็นมาตรฐานในรถยนต์ทุกคันไปแล้ว โดยระบบนี้จะเป็นการทำงานเพื่อป้องกันการล็อคของล้อเมื่อมีการกดเบรกแรง ตัวรถจะได้ไม่ไถลออกนอกทางและสามารถควบคุมรถยนต์ได้ง่ายกว่าไม่มีระบบ ABS เพราะถ้าไม่มี ล้อจะมีการล็อค และยางสามารถไถลไปนอกทิศทางที่เราไม่สามารถควบคุมได้ ซึ่ง ABS จะทำงานโดยหม้อเบรก ที่ทำงานร่วมกับระบบอิเล็กทรอนิกส์ จับการหมุนของล้อว่ามีการหยุดแบบฉุกเฉินหรือไม่ ถ้ามี ตัวหม้อลมเบรกจะทำการปล่อย-จับเบรกด้วยความเร็วสูงระดับ 16-50 ครั้งต่อวินาที เพื่อให้ล้อไม่หยุดหมุนในทันที ทำให้เรายังคงควบคุมรถให้อยู่ในเส้นทางได้มากที่สุดนั่นเอง จริงอยู่ว่าระยะเบรกอาจจะมากขึ้น แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้รถไถลแล้วควบคุมอะไรไม่ได้เลย

EBD

Electronic Brake force Distribution หรือ EBD หรือเรียกกันเป็นภาษาไทยว่า ระบบควบคุมการกระจายแรงเบรก เป็นระบบที่ทำงานร่วมกับระบบ ABS เพื่อให้การเบรกแต่ละครั้งปลอดภัยมากขึ้น ระบบนี้จะทำงานโดยการตรวจจับการหมุนของล้อทั้ง 4 ล้อ เมื่อมีการแตะเบรก ระบบจะทำการคำนวนว่าแต่ละล้อมีการเบรกทำให้ล้อหมุนสมดุลเหมาะสมกับการขับขี่ตอนนั้นอยู่หรือไม่ ถ้าผิดปกติ ระบบจะทำการปรับแรงดันเบรกให้กลับมาสมดุลกันในระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาที เพื่อให้สามารถหยุดได้ตรง ไม่เกิดอาการส่ายหรือท้ายปัด รวมทั้งการเบรกในโค้งก็จะปลอดภัยมากกว่าเดิม

BA

Brake Assist หรือ BA ระบบเสริมแรงเบรกที่ทำงานร่วมกับ ABS เช่นกัน เป็นระบบที่ช่วยเพิ่มแรงเบรกในกรณีที่มีการเบรกฉุกเฉิน แต่แรงกดที่แป้นเบรกอาจจะไม่พอ ระบบสมองกลจะสั่งการให้เบรกทำงานส่งแรงไปห้ามล้อให้มากกว่าเดิม ทำให้รถยนต์ที่มีระบบนี้ จะช่วยให้ระยะเบรกนั้นสั้นกว่าเดิม

TRC

ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี หรือ Traction Control System (TRC) เป็นระบบที่จะคอยตรวจจับให้ล้อทั้ง 4 ล้อหมุนได้เท่ากันตลอดทาง เพราะบางกรณีเช่นบางล้อไปตกน้ำทำให้เกิดการไถลหรือหมุนฟรี จะทำให้มีโอกาสที่ฝั่งของล้อที่ลุยน้ำวิ่งช้าหรือเร็วกว่าตัวรถได้ เกิดอาการไถลออกนอกเล้นทางจนเกิดอันตราย เมื่อระบบ TRC พบการหมุนฟรี ก็จะทำงานด้วยการส่งแรงดันเบรกไปที่ล้อนั้นล้อเดียว (หรือหลายล้อในกรณีที่หมุนไม่เท่ากัน) เพื่อให้ทุกล้อกลับมาหมุนได้เท่ากันเหมือนเดิม ทำให้เรายังคงควบคุมรถได้ตามปกติ

VSC, ESP, ESC

Vehicle Stability Control ( VSC) หรือ Electronic Stability Control (ESP) หรือ Electronic Stability Program (ESC) หรือระบบควบคุมการทรงตัว เป็นระบบที่พัฒนาต่อยอดมาจากระบบ TRC ที่จะคอยตรวจจับการหมุนของล้อให้เท่ากัน รวมทั้งเพิ่มการตรวจสอบการทรงตัวของรถยนต์ให้มีความสมดุลตลอดทางอีกด้วย เมื่อระบบพบความผิดปกติ นอกจากจะสั่งให้ระบบ TRC ทำงานเพื่อส่งแรงเบรกไปที่ล้อที่หมุนผิดปกติแล้ว ยังทำการลดหรือตัดการทำงานของเครื่องยนต์ เพื่อไม่ให้ส่งกำลังเพิ่มเติมไปที่ล้อได้อีก ทำให้รถจะยังคงทรงตัวได้ตามปกติ และปลอดภัยในการขับขี่เช่นเดิม

HDC

Hill Descent Control (HDC) หรือ ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ ขณะรถลงทางลาดชัน บางค่ายเรียกว่า DAC (Downhill Assist Control ) เป็นระบบที่ช่วยให้เราสามารถลงทางลาดชันด้วยความเร็วที่เหมาะสม โดยที่ไม่ต้องแตะเบรกเอง ระบบนี้เมื่อเรากดปุ่มเพื่อเปิดการทำงานตอนที่เราขับรถลงทางลาดชัน ระบบจะไปสั่งการหม้อเบรก ABS ให้ทำการจับล้อให้หมุนด้วยความเร็วไม่เกินที่กำหนดไว้ โดยจับเป็นระยะแบบรวดเร็วเหมือนตอนเรากดเบรกแรงๆแล้ว ABS ทำงาน นอกจากจะช่วยให้รถไม่ไหลลงเร็วเกินไปแล้ว ยังช่วยลดอาการเบรกไหม้จากการกดเบรกยาวเป็นเวลานานจากเท้าเราได้อีกด้วย

HSA

Hill Start Assist (HSA) หรือบางค่ายเรียกว่า HAC คือระบบช่วยการออกตัวบนทางลาดชัน เป็นระบบที่ทำงานอัตโนมัติ สามารถทำงานได้ทันทีเมื่อมีการจอดสนิทบนทางลาดเอียง การใช้งานคือ เมื่อรถมีอาการด้านหน้าสูงกว่าด้านหลังเกินกว่าที่ระบบตั้งไว้ เมื่อมีการเหยียบเบรกไว้จนรถหยุดสนิท แล้วเราต้องการขับรถเพื่อขึ้นเนินต่อ หลังจากปล่อยเบรกแล้ว เบรกจะยังทำงานอยู่ต่อประมาณ 2-3 วินาที เพื่อให้เรามีเวลาย้ายเท้าจากแป้นเบรกไปยังคันเร่งได้ทันเวลา ก่อนที่รถจะทำการถอยหลังลง ป้องกันการถอยหลังไปชนกันรถด้านหลังได้

เครดิต www.autodeft.com