ถึงอากาศจะหนาวแต่ฝนยังตก เรามารับมือกับสายฝนกัน!!

สภาพอากาศในบ้านเราช่วงนี้มีฝนตกชุก ทำให้เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ได้มากขึ้น เราจึงขอแนะนำ 4 สิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อต้องขับรถขณะฝนตกมาฝากกันครับ

1.เปิดไฟหน้ารถ

การเปิดไฟหน้ารถในขณะฝนตก จะช่วยให้รถคันอื่นสามารถประเมินระยะห่างและความเร็วได้ดียิ่งขึ้น ในกรณีที่รถด้านข้างต้องการเปลี่ยนเลน ก็จะสามารถตัดสินใจได้อย่างเหมาะสมและไม่กระชั้นชิดจนเกินไป เป็นต้น
นอกจากนี้ยังควรพิจารณาเปิดไฟตัดหมอกหน้าหรือหลังตามความเหมาะสม โดยหากทัศนวิสัยย่ำแย่มาก สามารถมองเห็นทางข้างหน้าได้ไม่ถึง 100 เมตร การเปิดไฟตัดหมอกก็จะช่วยเพิ่มความปลอดภัยได้

Heavy rain hitting a concrete sidewalk while cars drive by. Selective focus

2.ลดความเร็ว

ทันทีที่ฝนตกควรลดความเร็วลงมาให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เนื่องจากถนนที่เปียกลื่นอาจทำให้เกิดรถเสียหลักจนเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย ไม่เพียงเท่านั้น การหยุดรถกะทันหันบนถนนที่เปียกลื่นยังจำเป็นต้องใช้ระยะเบรกมากกว่าปกติอีกด้วย

Abstract blur : rain drop on front of car window , see blur traffic sign

3.เพิ่มระยะห่างจากรถคันหน้า

หากเป็นการขับขี่ด้วยความเร็วสูง ควรเพิ่มระยะทางจากรถคันหน้าให้มากกว่าปกติ มีคำแนะนำว่าบนถนนแห้งควรอยู่ห่างจากรถคันหน้าประมาณ 2 วินาที ดังนั้น หากขับขี่บนถนนเปียกก็ควรเพิ่มระยะห่างเป็น 3-4 วินาที

วิธีการนับระยะห่างจากรถคันหน้า ให้สังเกตจุดที่รถคันหน้าเคลื่อนผ่าน อาจเป็นเสาไฟฟ้า, หลักกิโลเมตรหรืออะไรก็แล้วแต่ แล้วจึงค่อยเริ่มนับจาก 0, 1, 2,… และหยุดนับทันทีเมื่อรถเราเคลื่อนผ่านจุดที่มองไว้แต่แรก ก็จะได้ระยะห่างจากรถคันหน้าคิดเป็นวินาที

Kent, UK – December 22nd, 2012: Cars maneuver dangerously to try to avoid floods on the road as torrential rainfall hits the UK.

4.หลีกเลี่ยงขับผ่านแอ่งน้ำขัง

สิ่งอันตรายมากที่สุดในการขับขี่ขณะฝนตก ก็คือ การขับฝ่าแอ่งน้ำด้วยความเร็วสูง หากรถไม่มีระบบควบคุมเสถียรภาพหรือขับด้วยความเร็วสูงเกินกว่าระบบจะรับไหว ก็อาจทำให้รถเสียการควบคุมได้ ซึ่งแอ่งน้ำมักจะพบได้ในโค้งที่ออกแบบให้มีความลาดเอียง

หากไม่สามารถหลบแอ่งน้ำได้ทัน ก็ควรรีบลดความเร็วลงมาให้อยู่ในจุดที่ตัวเองรู้สึกว่าควบคุมไหวหากรถเสียหลักขึ้นมาจริงๆ ก็จะช่วยให้ขับผ่านแอ่งน้ำได้อย่างปลอดภัย

เครดิต www.sanook.com