10 วิธีขับขี่แบบง่ายๆ ที่ทั้งประหยัดน้ำมันและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

รู้หรือไม่ว่าการประหยัดน้ำมันและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมไม่จำเป็นต้องทำให้คุณเสียเงินเสมอไป เทคโนโลยียานยนต์ในปัจจุบันก้าวหน้าไปไกล และช่วยให้คุณมีทางเลือกมากมายที่สามารถช่วยประหยัดพลังงาน ลดโลกร้อนได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องเสียเงินแพงๆ

การขับขี่แบบเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและประหยัดพลังงานสามารถทำได้ง่ายๆ ด้วยตัวเราเอง เริ่มต้นได้จากการเลือกรถยนต์ที่เหมาะสม และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้รถใช้ถนน วันนี้ ฟอร์ด ประเทศไทย ขอแนะนำ 10 วิธีขับขี่แบบง่ายๆ ที่ทั้งประหยัดน้ำมัน เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และไม่ทำให้คุณต้องเปลืองเงิน ดังนี้

1. เลือกรถยนต์ที่เหมาะสม – การเลือกรุ่นรถยนต์เป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้คุณขับรถได้โดยไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม รวมถึงการใช้รถยนต์ให้เหมาะสมกับสภาพการใช้งาน จะทำให้ได้ทั้งประสิทธิภาพในการขับและประหยัดน้ำมันอย่างดีเยี่ยม อย่างเช่น การขับรถทางไกลบนเส้นทางที่ต้องใช้กำลัง นอกจากจะช่วยให้ผู้ขับขี่สะดวกสบายลุยไปได้ทุกเส้นทางแล้ว ยังเป็นการใช้น้ำมันอย่างมีประสิทธิภาพด้วย อย่างเช่น ฟอร์ด เรนเจอร์ รุ่นไวล์ดแทรค 3.2 ลิตร ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ดีเซล ดูราทอร์ค ทีดีซีไอ วีจี เทอร์โบ (Diesel Duratorq TDCi VG Turbo) ขนาด 3.2 ลิตร และระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 6 สปีด พร้อมระบบหมุนเวียนไอเสียแบบใหม่ ที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการประหยัดน้ำมัน และยังสามารถส่งพละกำลังได้สูงสุดถึง 200 แรงม้า และมอบแรงบิดสูงสุดถึง 470 นิวตันเมตร เครื่องยนต์จึงไม่กินน้ำมันและยังคงทรงพลังขณะขับขี่

2. ระมัดระวังการเร่งเครื่องยนต์ – การเร่งเครื่องยนต์กะทันหันและการเบรคอย่างรุนแรง จะเพิ่มอัตราการบริโภคน้ำมันถึง 40 เปอร์เซ็นต์ ในขณะเดียวกัน ก็เพิ่มปริมาณการปล่อยสารพิษถึง 5 เท่า ซึ่งการขับรถที่ความเร็ว 90 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะทำให้รถของคุณกินน้ำมันน้อยลงถึง 10–15 เปอร์เซ็นต์

3. หมั่นตรวจเช็คลมยางและเติมลมยางที่เหมาะสม – ยางที่ลมต่ำกว่าที่กำหนดจะทำให้ผู้ขับขี่บังคับรถได้ลำบากและเพิ่มการกินน้ำมันมากขึ้น การเติมแรงดันลมยางที่เหมาะสมจะช่วยลดความต้านทานการหมุนของล้อ เพิ่มความปลอดภัยในการขับขี่ และยังช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่าด้วย

4. การดูแลรักษาเป็นสิ่งสำคัญ – การหมั่นนำรถไปตรวจเช็คสภาพที่ศูนย์บริการที่ไว้วางใจได้ การดูแลรักษาในขั้นตอนนี้ อาจเป็นสิ่งที่ผู้ใช้รถหลายคนมักมองข้ามไปแม้จะเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อให้รถและเครื่องยนต์อยู่ในสภาพที่พร้อมและสมบูรณ์อยู่เสมอ การตรวจสอบสภาพรถยนต์อย่างถูกวิธีเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะก่อนขับเดินทางระยะไกลเพื่อความปลอดภัย

5. บรรทุกสิ่งของแต่พอดี – น้ำหนักของสิ่งของในรถที่เพิ่มขึ้นทุก 48 กิโลกรัม เพิ่มอัตราการกินน้ำมันถึง 2 เปอร์เซ็นต์ ผู้ขับขี่จึงควรนำสิ่งของที่ไม่จำเป็นออกจากรถบ้าง เพื่อประหยัดน้ำมันและช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย

6. ใช้ระบบแผนที่นำทางให้เป็นประโยชน์ – ควรวางแผนเส้นทางเสมอก่อนการเดินทาง ระบบแผนที่นำทาง (Navigation System) เป็นตัวช่วยที่อำนวยความสะดวกได้เป็นอย่างดีโดยเฉพาะเวลาขับรถไกลๆ การมีระบบนำทางที่วางใจได้เป็นวิธีหนึ่งในการช่วยให้คุณไปถึงที่หมายได้ โดยไม่ขับรถออกนอกเส้นทางหรือหลงทาง

7. ตรวจเช็คเครื่องกรองอากาศ – รถไม่ได้วิ่งด้วยน้ำมันเท่านั้น แต่ยังต้องการออกซิเจนเช่นเดียวกับมนุษย์ หากเครื่องกรองอากาศของรถไม่สะอาด จะส่งผลต่อเครื่องยนต์รถได้ มีการประมาณกันว่า ผู้ขับขี่จะสามารถประหยัดน้ำมันได้ถึง 8 เปอร์เซ็นต์ หากรู้จักเปลี่ยนเครื่องกรองอากาศอย่างสม่ำเสมอ

8. อย่าสตาร์ทรถทิ้งไว้เกินกว่า 30 วินาที – รถยนต์ที่เราใช้กันในปัจจุบัน ไม่จำเป็นต้องสตาร์ทรถทิ้งไว้เพื่อวอร์มเครื่องยนต์อีกต่อไป เพราะการสตาร์ทรถทิ้งไว้จะทำให้เกิดการปล่อยของเสียมากกว่าการสตาร์ทใหม่ ทั้งยังเปลืองน้ำมันอีกด้วย

9. ใช้โหมด Cruise Control – การใช้โหมด Cruise Control จะช่วยให้ผู้ขับขี่ไม่เผลอขับรถเร็วและใช้น้ำมันอย่างสิ้นเปลืองโดยไม่รู้ตัว นอกจากนี้ ยังช่วยคงความเร็วของรถ และไม่ใช้น้ำมันเพิ่มเติมเวลาเร่งเครื่อง

10. ใช้น้ำมันเครื่องตามที่ระบุไว้ – การเลือกใช้น้ำมันเครื่องตามเกรดที่ผู้ผลิตระบุไว้ในคู่มือจะช่วยให้ระบบหล่อลื่นของเครื่องยนต์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด การใช้น้ำมันผิดเกรดจะลดประสิทธิภาพการใช้น้ำมันลงไปถึง 2 เปอร์เซ็นต์ และยิ่งทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้นไปอีก

หากทำตามคำแนะนำง่ายๆ เหล่านี้ในการใช้รถใช้ถนน เท่ากับคุณสามารถประหยัดน้ำมัน รักษาสิ่งแวดล้อมและลดค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษารถยนต์ไปด้วยในเวลาเดียวกัน ฟอร์ดเชื่อว่าแค่การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ของผู้ขับขี่ทุกคนก็สามารถสร้างผลลัพธ์ในทางบวกได้อย่างมหาศาล

เครดิต www.carvariety.com