กระจกรถยนต์ ไฟฟ้ามีปัญหาทำอย่างไรดี?

กระจกรถยนต์ ไฟฟ้า ทุกคันจะมีสวิตซ์การทำงานอยู่ที่ประตูและตำแหน่งของคนขับเท่านั้น ก็เท่ากับว่าคนขับสามารถที่จะควบคุมและสั่งการได้จากสวิตซ์ควบคุม ไม่ว่าจะเป็นการล็อกหรือปลดล็อกประตู รวมไปถึงกระจกหน้าต่างด้วย

เชื่อเถอะว่ารถเกือบทุกคันไม่เปิด กระจกรถยนต์ ทุกบานแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ก็จะใช้งานแค่ฝั่งคนขับ ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกัน, รับบัตรเข้า-ออก, จ่ายค่าทางด่วน และอื่นๆ รู้อย่างนี้แล้ว กระจกรถยนต์ บานอื่นก็แทบจะไม่ได้ใช้งานเลยถูกหรือไม่ แต่ทำไม กระจกรถยนต์ ที่ไม่ค่อยได้ใช้งานกลับชำรุดซะอย่างนั้น เกิดอะไรขึ้นกับ กระจกรถยนต์ เหล่านี้ เพื่อป้องกันปัญหาที่หลายคนกำลังเจออยู่ควรที่จะตรวจสอบดูการทำงานของ กระจกรถยนต์ ให้ครบทุกบานบ้าง โดยการเปิด-ปิดหน้าต่างที่ไม่ค่อยได้ถูกใช้งาน อย่างน้อยเดือนละ 2 ครั้ง เพื่อตรวจดูว่า กระจกรถยนต์ ในแต่ล่ะบานยังสามารถใช้งานได้อยู่หรือไม่ หรือ กระจกรถยนต์ นั้นมีปัญหาหรือไม่

กระจกรถยนต์ ไฟฟ้า ส่วนใหญ่ที่มีปัญหานั้นอาจมาจากความชื้น ซึ่งเกิดขึ้นบริเวณประตูเวลาที่ล้างรถ หรือขับรถตากฝน เพราะว่าน้ำสามารถไหลเข้ามาบริเวณประตูได้โดยผ่านทางคิ้วรีดน้ำกระจกหน้าด้านนอกได้ เมื่อสะสมมากขึ้น ความชื้นบวกกับไม่มีการทำงานของมอเตอร์ยก กระจกรถยนต์ บ้างเป็นบางครั้ง จึงทำให้เกิดการขัดข้องได้

ซึ่งเมื่อ กระจกรถยนต์ ไฟฟ้า ไม่ทำงานหรือใช้งานไม่ได้ ลองใช้วิธีเปิดสวิตซ์กุญแจไปตำแหน่ง ON หรือติดเครื่องยนต์ แล้วปลดล็อกกระจกหน้าต่าง (ชุดควบคุมด้านผู้ขับขี่) จากนั้นให้มาที่ประตูของหน้าต่างที่ไม่สามารถใช้งานได้ แล้วทุบหรือเคาะไปที่บริเวณประตูโดยใช้แรงพอสมควร แต่ก็ต้องระวังประตูหรือแผงประตูบุบด้วยนะจ๊ะ พร้อมกับกดสวิตซ์การทำงานของกระจกหน้าไปพร้อมๆ กัน ถ้า กระจกรถยนต์ สามารถใช้งานได้แล้วก็ควรทำกดสวิตซ์ขึ้น-ลง อีก 2-3 รอบ แต่ถ้า กระจกรถยนต์ ยังดื้อไม่ยอมทำงานก็นำรถเข้าศูนย์บริการใกล้บ้านคุณเพื่อแก้ไข

แต่ในบางครั้งก็อาจเกิดจากสาเหตุเหล่านี้ก็ได้

  1. มอเตอร์หลุด หลวม หรือมอเตอร์เสียก็เป็นได้
  2. ยางขอบประตู มีคราบสกปรก ซึ่งทำให้ กระจกรถยนต์ ฝืดได้
  3. สวิตซ์เสีย

สำหรับใครที่ กระจกรถยนต์ ไฟฟ้า ยังมีปัญหาอยู่ หรือไม่สามารถใช้งานได้ ก็สามารถลองทำวิธีเหล่านี้ได้ เผื่อ กระจกรถยนต์ ของคุณอาจกลับมาเลื่อนขึ้น-ลงได้เป็นปกติ

เครดิต www.mthai.com