อวสาน 6 สูบเรียง กับการเกิดใหม่ของ V6 เจาะข้อดี ข้อเสียว่าใครสุดยอดกว่ากัน

เพื่อนๆ หลายคนคงสังเกตว่า เครื่องยุคใหม่หลายบล็อคเริ่มที่จะใช้งานเป็นเครื่องยนต์ V6 ทำให้แบบ 6 สูบเรียง ค่อยๆ หายไปจากรถใหม่ๆ จนกระทั่งแทบจะไม่มีออกมาให้เห็นกันแล้ว สำหรับวันนี้เราจะขามาไขข้อข้องใจของสาวก 6 สูบเรียง ว่าทำไมเจ้า V6 นั้น อยู่ดีๆ ถึงได้ขึ้นมาครองใจรถ Sport รุ่นหลังๆ ไม่ว่าจะเป็น 2JZ ที่กลายเป็น GR หรือถ้าจะระบุชัดไปเลยก็เช่น Nissan GT-R R35 ก็ยังทิ้ง RB26 เดิมในรุ่นก่อน ไปตกลงปลงใจกับเครื่องยนต์ V6 เข้าไปซะแล้ว ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า วิศวกรไปผิดใจอะไรกับเครื่องยนต์สุดจี๊ดอย่าง 6 สูบเรียง จนต้องไปซบเครื่องยนต์ V6 กันซะเกือบหมดแล้ว

ก่อนจะหาเหตุผลกัน เรามาทำความรู้จักข้อดี ข้อเสียของเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง กันก่อนครับ สำหรับข้อดีที่เด่นชัดที่สุดของพวกเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ก็คือ เรื่องของ “ความสมดุลย์” นั่นเองครับ เพราะจังหวะการขึ้นลงของมันนั้น จะเป็นไปอย่างควบคู่กันไปตาม Firing Order คู่กันคือ สูบ 3/4, สูบ 2/5, สูบ 1/6 นั่นเองครับ แถมการทำงานก็ไม่ซับซ้อนมากมาย ทำให้การซ่อมบำรุงรักษารวมไปถึงการโมดิฟายนั้นเป็นไปได้อย่างง่ายดายมากๆ นั่นทำให้เครื่องยนต์สูดฮิตอย่าง RB26, 2JZ กลายเป็นที่นิยมของเหล่านักซิ่งกันอย่างถ้วนหน้า แต่อย่างไรก็ดี “ข้อเสีย” ของ 6 สูบเรียง คือ ขนาดของมันที่ใหญ่โตจนเกินไปจากการที่มีอีก 2 ลูกสูบ เพิ่มเข้ามา ทำให้เมื่อนำมาเทียบกับเครื่องยนต์ 4 สูบเรียง ขนาดของมันมีขนาดที่เทอะทะจนเกินไป นั่นหมายถึงมันจะไม่สามารถวางเป็นแนวขวาง เพื่อรถขับเคลื่อนล้อหน้าได้เลยเพราะเมื่อใส่ชุดเกียร์แล้วทำให้ “สมดุลย์ตัวรถ” ลดลงไปอย่างไม่น่าเชื่ออีกด้วย นอกจากนี้ยังมีเรื่องของแคมชาฟท์ที่มีขนาดยาวกว่าปกติ ทำให้เกิดการบิดตัวง่ายกว่าแบบ V6 สักหน่อย

ส่วนเครื่องยนต์ V6 ที่ดูเหมือนว่าจะเข้ามาแทนที่เจ้า 6 สูบเรียง ได้อย่างดีเยี่ยม แต่มันก็ยังคงมีข้อเสียติดตัวมาด้วย แม้จะมีจำนวนลูกสูบที่เท่ากัน แต่เครื่องยนต์ V6 นั้น เป็นการนำเครื่องยนต์แบบ 3 สูบเรียง มาประกอบติดกันทำให้มันสูญเสียความสมดุลไปอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทำให้มันต้องมีสิ่งที่เรียกว่า Balancing Shaft เข้ามาช่วยลดแรงสั่นอันมหาศาลจากเครื่องยนต์ที่เกิดขึ้นนั่นเองครับ และด้วยองค์ประกอบทั้งหลายแหล่ที่เข้ามา ช่วยให้มันทำงานได้อย่าราบรื่นทำให้มันเป็นเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างซับซ้อน ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของแคมชาฟท์ ที่ต้องใช้ถึง 4 ตัว ในการควบคุมวาล์วทั้งหมด 24 ตัว ยิ่งทำให้มันเป็นเครื่องยนต์ที่การบำรุงรักษานั้นไม่ใช่เรื่องที่จะทำในโรงรถได้อย่างง่ายๆ อีกต่อไป แต่ด้วยข้อเสียที่กล่าวไปทำให้ได้ “ข้อดี” ที่สุดจะคุ้มค่าด้วยขนาดของเครื่องยนต์ที่เล็กลงกว่าครึ่ง ทำให้มีพื้นที่ในห้องเครื่องอย่างเหลือเฟือ นั่นหมายความว่าการตกแต่งเครื่องยนต์ทำได้อย่างง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเรื่องการพ่วง Turbo หรือในส่วนอื่นๆ ก็สามารถทำได้ง่ายกว่าเดิม ยิ่งไปกว่านั้นเครื่องยนต์ V ยังมีที่ว่างมากพอที่จะให้สาวกรถขับหน้าได้สัมผัสความแรงกันบ้างนั่นเองครับ

แต่อย่างไรก็ตาม เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง ที่ว่าตายไปแล้วนั้น ก็ยังคงได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลายในการแข่งรูปแบบต่างๆ ก็ยังคงนิยมที่จะใช้เครื่องยนต์ 6 สูบเรียง เนื่องจากการบำรุงรักษาที่ง่าย แถมอะไหล่ก็ยังหาได้ทั่วไป ทำให้สาวกซิ่งยังคงเลือกใช้งาน 6 สูบเรียง อยู่อย่างต่อเนื่องครับ ส่วนสาเหตุที่รถสปอร์ตยุคปัจจุบันนิยมใช้ V6 ก็เพราะต้องการประหยัดพื้นที่ เหลือไว้ให้เทอร์โบได้อย่างหลวมๆ กับเพื่อลดน้ำหนัก เพิ่มการกระจายน้ำหนักที่ดีขึ้น และประหยัดค่าพัฒนาพื้นฐานนั่นเอง ข้อดีเยอะกว่าขนาดนี้ ก็ใช่ว่าเครื่อง 6 สูบเรียง จะสูญพันธ์ไปหมดนะครับ เพราะค่ายเยอรมันใหญ่ๆ ก็ยังมีบล็อคในตำนานอยู่ แต่จะอยู่ได้นานแค่ไหน ต้องติดตามต่อไป สำหรับวันนี้ต้องลากันไปแล้วนะครับ

เครดิต www.boxzaracing.com