กล่องพ่วง ECU ใส่แล้วดีขึ้น แรงขึ้นจริงเหรอ

การโมดิฟายสมัย 10 ปีก่อน ที่นิยมมาก

สวัสดีครับเพื่อนๆ กลับมาพบกันอีกแล้วนะครับ กับมุมสาระดีๆ จากทางทีมงาน BoxzaRacing ที่จะรวบรวมเอาความรู้เรื่องรถมาให้ได้อ่านกัน ที่มาของเรื่องคราวนี้ คือ ยุคก่อนๆ สายซิ่งนิยมโมดิฟายสมองกล ECU ด้วยการเพิ่มอีกกล่องเข้าไป หรือที่เรียกกันว่า “กล่องพ่วง” นั่นเองครับ สำหรับนักซิ่งยุคหลัง บางครั้งก็อาจจะลืมการแต่งแบบนี้ไปแล้ว ดังนั้นวันนี้เราจะพาเพื่อนๆ มารู้จักกับการพ่วงกล่องกันครับ

ต้องรื้อมาเดินสายไฟในห้องโดยสารกันยกใหญ่

สำหรับการพ่วงกล่องนั้น สามารถเรียกได้อีกอย่างว่า Piggy Back แม้ว่าจะเป็นการแต่งรถยุคเก่า แต่ถ้าว่ากันตามตรงปัจจุบัน กล่องพ่วงก็ยังคงมีขายให้กันตามท้องตลาด เนื่องจาก ECU ในรถยุคหลังๆนั้น เรียกได้ว่าเป็นสมองกลแบบจิงๆ จังๆ เลยก็ว่าได้ เพราะมันต้องควมคุมสิ่งที่นอกเหนือไปจากเครื่องยนต์อีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบกลไก Central Lock ABS บางคันยังควมคุมระบบปรับอากาศ แม้กระทั่งหลอดไฟขาดก็ยังรู้ด้วยซ้ำ ทำให้งานประมวลผลของมันค่อนข้างเยอะ กล่องพ่วงในปัจจุบันจึงมีหน้าที่เข้ามาเสริมในจุดของเครื่องยนต์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพนั่นเองครับ ซึ่งกล่องพ่วงนั้นสามารถแตกแยกออกไปได้อีก 2 แบบ ด้วยกันคือ

กล่องพ่วงแบบปรับจูนได้

กล่องแบบปรับจูนไม่ได้ (Unprogramable Piggy Back)

กล่องจำพวกนี้เป็นแบบสำเร็จรูป ที่เราไม่สามารถเปลี่ยนอะไรได้เลยเนื่องจากทุกอย่างมันถูก กำหนดเอาไว้มาแล้วจากโรงงาน หากจะให้ยกตัวอย่างก็ลองนึกถึง ตระกูลกล่องดันรางของสายควันดำ ที่ค่าของแรงดันน้ำมันเชื้อเพลิงถูกกำหนดให้แล้วจากโรงงาน สิ่งที่เพื่อนๆ ต้องทำก็แค่ จัดการพ่วงมันเข้ากับกล่อง ECU เดิม ซึ่งการแต่งแบบนี้ หากเพื่อนๆ เคยเล่นเกมส์ มันก็เหมือนกับการแต่งรถแบบ Step 1 หากต้องการแรงกว่านี้ก็ต้องอัพเกรดขึ้นไปอีก แล้วจะมีคำถามต่อว่า “ใส่แล้วถอดได้ไหม” ตอบแบบไม่คิดเลยว่า จะใส่หรือถอดแบบวันเว้นวันก็ยังได้ เพราะมันไม่ได้สร้างผลเสียใดๆ เลยครับ แต่หากเพื่อนๆ อยากแรงไปอีก ก็ต้องอัพขึ้นไปชนิดที่ 2 ครับ

ติดในห้องโดยสารเพื่อถนอมชิ้นส่วนจากความร้อนและชื้น

กล่องแบบปรับจูนได้ (Programable Piggy Back)

สำหรับกล่องแบบนี้ มันก็เหมือนกับเพื่อนไปซื้อวัตถุดิบมาทำกับข้าวเอง ที่ไม่ว่าเพื่อนจะชอบเปรี้ยว เผ็ด หวาน ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเลือกเองได้เลย โดยที่กล่องพวกนี้ จำเป็นต้องให้จูนเนอร์ที่มีฝีมือมาจัดการปรับค่าต่างๆ ให้เหมาะสมตามที่ต้องการ แต่ต้องทำการเน้นย้ำว่าควรจะหาช่างไว้ใจได้ มาทำการปรับจูนกับแบบ Real Time เพื่อที่จะได้เงื่อนไขของเครื่องยนต์อย่างครบถ้วน ไม่อย่างนั้นอาจเกิดผลเสียตามหลังมาเหมือนเงาตามตัวเลยล่ะครับ ดีไม่ดีอาจถึงขั้นยกเครื่องใหม่ก็มีมาแล้วนะครับ ซึ่งตัวกล่องแบบนี้ ก็ยังมีแบบที่สามารถทำงานได้เทียบเคียงกล่อง Stand Alone ส่วนราคาก็คงไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นบาท เช่นกันครับ

อยากแรงต้องเล่นกล่องพ่วง เป็นสเต็ปรถซิ่งที่ต้องมี

เอาล่ะครับ นี่ก็เป็นความรู้เล็กๆ น้อยๆ สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากจะแต่งรถแรงด้วยซอร์ฟแวร์ แต่ไม่อยากจะเข้าไปยุ่งกับพวกกล่องสมองกลรุ่นใหม่ให้ยุ่งยาก กล่องพ่วงแบบนี้ ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีเช่นกัน โดยเฉพาะแบบแรกที่ใช้งบประมาณไม่มาก แต่สามารถไว้ใจในเรื่องความแรงได้เลยทีเดียว ส่วนคอลัมน์ความรู้เรื่องรถตอนต่อไป ก็ยังจะหาความรู้ดีๆ มาให้เสมอครับ

เครดิต www.boxzaracing.com