จะรู้ได้อย่างไรว่า แบตเตอรี่รถยนต์ ใกล้หมดอายุ

เรื่องนี้ก็น่าคิดสำหรับคนที่ยังไม่พบกับปัญหาเรื่อง แบตเตอรี่รถยนต์ เสื่อม หรือหมดอายุ เพราะเนื่องจาก ผู้ใช้งานก็สามารถวิ่งได้ปกติ สตาร์ทรถได้ปกติ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ดังนั้นเราจะมาแนะนำ สำหรับคนที่ต้องการอยากรู้ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ ของเรานั้นเสื่อมสภาพ หรือหมดอายุในการใช้งานแล้วหรือยัง มาฝากกัน

สำหรับคนที่วิ่งใช้งานได้ปกติ โดยที่ แบตเตอรี่รถยนต์ ไม่เคยแสดงที่จะงอแงอะไรเลย แต่อยากจะรู้ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ ของเรานั้นเสื่อม หรือหมดอายุแล้วหรือยัง ไม่ยากเลย…เพียงแค่หาซื้อโวลท์มิเตอร์วัดไฟ แบตเตอรี่รถยนต์ แบบเสียบได้กับที่จุดบุหรี่รถยนต์ เพื่อเช็คและตรวจสอบได้ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ เสื่อม หรือหมดอายุแล้วหรือไม่ ซึ่งระบบไฟฟ้าในรถจะวิเคราะห์และอ่านค่าได้จากโวลท์มิเตอร์นั่นเอง

วิธีการตรวจสอบ แบตเตอรี่รถยนต์ ว่าเสื่อมหรือไม่ ควรจอดรถแล้วดับเครื่องยนต์ประมาณ 1 นาที หรือหลังจากจอดรถประมาณ 4-6 ชั่วโมง ค่าที่อ่านจากมิเตอร์ต้องควรอยู่ที่ 12-12.8 โวลท์ ถ้าต่ำกว่า 12 แสดงว่า แบตเตอรี่รถยนต์ เริ่มเสื่อม เก็บไฟไม่อยู่ หรือไดชาร์จชาร์จไฟได้ไม่เต็มที่ ถ้าจอดรถทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน รถก็อาจจะสตาร์ทไม่ติด (แต่ถ้าอายุของ แบตเตอรี่รถยนต์ ยังใหม่อยู่ก็อาจจะเกิดจากกระแสไฟฟ้ารั่วลงกราวด์)

วิธีการตรวจสอบไดชาร์จจากการอ่านค่าโวลท์มิเตอร์

  • รอบเครื่องยนต์ 1,000 รอบต่อนาที (รอบเดินเบา) จะต้องมีค่าประมาณ 5-13.8 โวลท์ ถ้าต่ำกว่า 12.8 – 13.4โวลท์ แสดงว่าไดชาร์จเริ่มมีปัญหา เนื่องจากชาร์จได้ไม่เต็มที่ แต่ถ้าต่ำกว่า 12.8 โวลท์ แสดงว่าไดชาร์จไม่ชาร์จกระแสไฟฟ้าให้กับ แบตเตอรี่รถยนต์
  • รอบเครื่องยนต์ 2,000-2,500 รอบต่อนาที จะต้องมีค่าประมาณ 8-14.7 โวลท์ ถ้ามากกว่า 15 โวลท์ แสดงวงจรควบคุมแรงดันของไดชาร์จอาจมีปัญหา จะทำให้ แบตเตอรี่รถยนต์ เสื่อมเร็วกว่าปกติ เพราะเนื่องจากถูกชาร์จด้วยแรงดันที่สูงเกินจึงทำให้ความร้อนสูงใน แบตเตอรี่รถยนต์ ถ้าร้อนมากๆ จะทำให้น้ำกลั่นเดือดได้

แต่อย่างไรก็ตาม แบตเตอรี่รถยนต์ จะมีอายุการใช้งานประมาณ 2 ปี ถ้ารู้ว่า แบตเตอรี่รถยนต์ เริ่มเสื่อมสภาพหรือหมดอายุในการใช้งานแล้ว แนะนำควรรีบเปลี่ยนใหม่ทันที เพราะถ้าหากเกิดความผิดพลาดของ แบตเตอรี่รถยนต์ ขึ้นมา เราจะได้รีบแก้ไขได้ทัน

เครดิต www.mthai.com