ยางรั่ว ควรปะแบบไหนดีที่สุด

เชื่อว่าหลายคนอาจจะเจอเหตุการณ์ ยางรั่ว ยางแตก กันมาบ้างแล้ว ซึ่งไม่ว่าจะเป็นยางเก่าหรือยางใหม่ ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ก็มักจะมีคำถามที่ว่าเราควร ปะยาง แบบไหนดีที่สุด แล้วมีกี่แบบ แล้วถ้าปะไปแล้วสมรรถนะของยางจะยังคงดีเหมือนเดิมหรือไม่ วันนี้เรามีคำตอบ

โดยปกติแล้วการ ปะยาง จะแยกตามมาตรฐานจะแบ่งได้ 2 แบบ ได้แก่

  1. การปะแบบสตีม คือ การ ปะยาง แบบดั้งเดิมที่สามารถใช้กับรถทุกชนิด ตั้งแต่รถจักรยานไปจนถึงรถบรรทุก โดยแบ่งออกเป็น 2 แบบ
    • สตีมร้อน ส่วนใหญ่ใช้กับรถมอเตอร์ไซค์ ไปจนถึงรถบรรทุกสิบล้อ โดยจะใช้ยางชนิดพิเศษ โดยผ่านการหลอมด้วยความร้อน จากนั้นนำไปประกบกับรอยที่ ยางรั่ว หรือรอยแผลบนตัว ยางรถยนต์ และใช้เครื่องมือในการกดเพื่อประสานแผ่นยาง กับ ยางรถยนต์ ซึ่งรอย ยางรั่ว หรือบาดแผลจะแนบสนิทเป็นเนื้อเดียวกันกับยาง และยังสามารถรับน้ำหนักได้เท่ากับยางปกติ จากทิ้งไว้สักพักก็สามารถใช้งานได้ปกติ แต่ข้อเสียของงการสตีมร้อนก็มีโอกาสที่ความร้อนจะทำให้โครงสร้างของ ยางรถยนต์ เสียรูปทรง และอาจทำให้ ยางรถยนต์ บวมได้
    • สตีมเย็น โดยส่วนมากจะใช้กับรถจักรยาน เพราะการปะแบบนี้จะทำให้ ยางรถยนต์ ทนต่อความร้อนได้ต่ำ และไม่ทำให้ยางเสียรูปทรง โดยใช้ยางอีกแผ่นหนึ่งมาทำหน้าที่อุดรูรั่ว โดยปกติจะใช้ยางในรถที่ถูกทิ้ง หรือยางที่ไม่ใช้งานแล้ว มาทำการประสานเข้าไปกับยางที่มีรอยรั่วซึม จากนั้นก็รอให้แห้งเป็นอันเสร็จ


  2. แบบแทงไหม หรือตัวหนอน จะใช้เฉพาะกับรอย ยางรั่ว หรือบางแผลที่มีขนาดเล็กที่เกิดจากตะปู เกลียวปล่อย หรือน็อตขนาดที่ไม่ใหญ่ โดยช่างจะดึงตะปูที่แทงยางออกมา จากนั้นใช้ตะไบปลายแหลมแทงเข้าไปเพื่อทำความสะอาดบางแผลก่อนแทงไหมที่มีส่วนผสมระหว่างใยสังเคราะห์ยางดิบ กับกาวลงไป ซึ่งวิธีนี้ใช้เวลาในการทำเร็วที่สุด โดยไม่ต้องถอด ยางรถยนต์ ออกมาจากกระทะล้อ และไม่ต้องถอดกระทะล้อออกจากรถให้ยุ่งยาก แต่ข้อเสียของการสอดใส้นั้นคือ ไม่ทนต่อความร้อนเหมือนกับการสตีมร้อน และวิธีนี้ไม่เหมาะกับรถที่ต้องใช้ความเร็วสูง และบรรทุกสัมภาระที่หนัก
    1. เครดิต www.mthai.com