เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยาง? และตัวเลขบนแก้มยางบอกข้อมูลอะไรบ้าง?

เมื่อไหร่ควรเปลี่ยนยาง? เป็นคำถามที่หลายท่านต้องสงสัยเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งยางรถยนต์เป็นชิ้นส่วนสำคัญเดียวที่สัมผัสพื้นถนน ถ้าเกิดความเสียหายก็จะเป็นอันตรายได้

เราควรตรวจเช็คสภาพของยางรถยนต์อย่างสม่ำเสมอ โดยให้ดูจากดอกยางว่าเกิดการสึกมากน้อยแค่ไหน มีอาการบวมหรือไม่ โดยวิธีที่ผู้ผลิตยางรถยนต์ได้กำหนดไว้สำหรับการตรวจเช็คสภาพของดอกยางคือให้ดูจากสะพานยาง สามารถสังเกตได้จากยางรถยนต์ทุกเส้น จะมีตัวบอกสภาพดอกยางอยู่ที่ร่องตรงกลางของยาง มีลักษณะเป็นสันนูนคล้ายสะพาน ตรงนี้เองที่เรียกว่า “สะพานยาง” ที่เชื่อมร่องดอกยางให้ติดกัน

ซึ่งถ้าดอกยางของเรานั้นสึกจนถึงสะพานยางเมื่อไรก็แปลว่า เหลือความลึกของดอกยางอยู่ประมาณ 1.6 มม. แล้ว และควรเปลี่ยนยางเส้นใหม่โดยทันที หากคุณยังคงใช้ยางเส้นดังกล่าวต่อไป อาจก่อให้เกิดอันตรายได้

และอีกหนึ่งข้อมูลที่อยากแชร์ให้ผู้อ่านได้ทราบคือผู้ใช้รถหลายท่านอาจจะไม่ได้สังเกตว่ามีอะไรอยู่บนยางรถยนต์บ้าง หรือเคยเห็นแต่ก็ไม่รู้ว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร

ตัวเลขที่ปรากฏอยู่บนยางจะบอกถึงอายุของยางรถยนต์ สามารถดูได้ที่ตัวเลขสี่หลักที่ประทับบนแก้มยาง โดยเลขสองตัวแรกบ่งบอกสัปดาห์ที่ผลิต ขณะที่ตัวเลขสองตัวหลังบอกปีทีผลิต ถ้าดูจากภาพจะเห็นว่ายางเส้นนี้ผลิตในสัปดาห์ที่ 15 ปี ค.ศ. 2019 การเลือกใช้ยางหลายคนอาจะได้ข้อมูลมาว่าต้องเป็นยางที่เพิ่งผลิตออกมาใหม่ๆ จะดีที่สุด ซึ่งในทางเทคนิคยางที่ดีจะต้องใช้ระยะเวลาหลายเดือนในการคงตัว (เซตตัว) เพื่อความแข็งแรงในการใช้งาน แต่ผลจากการทดสอบคุณภาพยางจากได้ผลออกมาว่า ยางที่ผลิตไปแล้ว 1 – 2 ปี คุณภาพไม่แตกต่างกัน ขณะที่อายุใช้งานสูงสุดของยางไม่ควรเกิน 5 ปี (นับตั้งแต่เริ่มใช้งาน)

ตัวเลขอีกหนึ่งชุดคือตัวเลขที่บอกถึง สัญลักษณ์ความเร็ว, ดัชนีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด, เส้นผ่าศูนย์กลางของล้อกระทะ, ยางมีโครงสร้างแบบเรเดียล, ความสูงของแก้มยาง (คิดเป็น % ของหน้ายาง), ความกว้างหน้ายาง (มิลลิเมตร)

นอกจากนี้สำหรับผู้ใช้รถที่ต้องการใช้ยางรถยนต์ที่มีประสิทธิภาพการใช้งานได้ดี ปัจจุบันมีอยู่มากมายหลายยี่ห้อ ผู้ใช้รถสามารถเลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งานของรถมากที่สุด ที่สำคัญต้องมีราคาที่สมเหตุสมผล ประหยัดเงินกระเป๋า และมองไปถึงสินค้าที่ใช้ทดแทนกันได้ หลังจากหาข้อมูลยางรถยนต์ที่ราคาไม่แรง และใช้ได้คุ้มค่า ตอนนี้มีแบรนด์อะไรบ้าง แล้วจะเป็นแบรนด์ไหนละ? คงหนีไม่พ้นยางที่ได้รับความนิยม โดยการันตียอดขายอันดับ 1 ของประเทศจีน นั่นก็คือ แบรนด์ Westlake นอกจากเป็นยางอันดับ 1 ของจีนแล้ว ยังเป็นยางที่มียอดขายติดอันดับ 9 ของโลกอีกด้วย เพราะเป็นยางทดแทนที่ให้สมรรถนะยอดเยี่ยม ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับยางที่มีชื่อเสียงในท้องตลาด

ซึ่งนอกจากยาง Westlake จะมีฐานการผลิตที่ประเทศจีนแล้ว ยังมีฐานการผลิตที่ประเทศไทยอีกด้วย โดยยาง Westlake ในต่างประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา จะเป็นที่รู้จักและได้รับความนิยมมากกว่าประเทศไทย เนื่องจากในต่างประเทศยาง Wsetlake ได้ทำการตลาดมานานแล้ว โดย 95% ของกำลังการผลิตในประเทศไทย ได้ถูกส่งออกไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา และประเทศทางฝั่งยุโรป ซึ่งโรงงานในประเทศไทยผลิตเพื่อขายในประเทศเพียงแค่ประมาณ 5% เท่านั้น

จากการทดสอบยางรถยนต์ในคลิบวีดีโอโดย Demi Chalkias นักแข่งรถมืออาชีพ ใช้ยาง Westlake รุ่น SA57 สำหรับรถเก๋งกับยางรถยนต์ A ซึ่งแบ่งการทดสอบออกเป็นอัตราเร่งและระยะเบรก สลาลอม การยึดเกาะถนน และเสียงในห้องโดยสาร

โดยผลการทดสอบผลปรากฏว่ายางรถทั้งคู่ มีประสิทธิภาพที่ใกล้เคียงกัน ถ้าคุณชอบทั้งสมรรถนะที่ดี และต้องการประหยัดเงินด้วย Demi เลือก Westlake ให้เป็นยางที่คุ้มค่า

Westlake เป็นยางรถยนต์คุณภาพ คุ้มค่า ราคาสบายกระเป๋า โดยเน้นไปที่กลุ่มตลาดกลาง ชูแนวคิดเป็นยางรถยนต์ที่ผลิตในไทย แต่มีมาตรฐานระดับโลก เจาะกลุ่มลูกค้าที่ต้องการสินค้าที่มีคุณภาพดี ราคาไม่แพง เริ่มต้นเพียงเส้นละ 1,300 บาท และที่สำคัญคือมีสินค้าหลากหลายชนิด ตั้งแต่ ยางรถยนต์ ยางรถเอนกประสงค์ ยางรถปิคอัพ ยางรถบรรทุก ยางรถบัส และยางที่ใช้ในการเกษตร ช่องทางจัดจำหน่าย สามารถดูได้ที่ http://www.westlaketyrethailand.com/dealer/

 

เครดิต www.autospinn.com