BMW M5 2020-2021

BMW M5 ในตระกูล 5-Series ถือว่าได้รับการปรับตั้งแต่งใหม่ ตั้งแต่ภายนอกให้ดูโฉบเฉี่่ยวยิ่งขึ้น มีการดีไซน์ปรับแต่งไปในทิศทางเดียวกับรุ่นปกติ โดยมีการปรับดีไซน์ไฟหน้าใหม่ให้เรียวขึ้น กระจังหน้าที่ใหญ่ขึ้นอีกเล็กน้อยตามแบบ BMW ไฟท้ายใหม่ ซึ่งใน M5 จะมีการยกระดับดีไซน์ให้ดุดันขึ้น ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้าใหม่พร้อมกับกันชนหน้าที่ดุดันขึ้นกว่าตัว M Sport ในรุ่นปกติ ด้านท้ายยังมาพร้อมกันชนที่มี Diffuser เพื่อรีดอากาศท้ายรถ รวมทั้งมีทางเลือกล้อขนาด 20 นิ้วลายใหม่

ภายในห้องโดยสาร ยังคงดีไซน์เดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่จุดที่เปลี่ยนหลัก คือหน้าจอ Infotainment ขนาดใหญ่ 12.3 นิ้ว รองรับได้ทั้ง Apple CarPlay และ Android Auto รวมทั้งมีระบบนำทางบนคลาวด์ ภายในยังมีการปรับปรุงเบาะและคอนโซลกลางบริเวณฐานเกียร์ ที่มีปุ่มใหม่ 2 ปุ่ม ได้แก่ ปุ่ม Set Up ที่ช่วยให้เข้าถึงการตั้งค่าต่างๆ ในการควบคุมรถได้ง่ายขึ้น ปุ่ม M Mode สำหรับการตั้งค่าโหมดในการขับขี่ Road และ Sport (M5 Competition จะมีโหมด Track ด้วย)

ขุมพลังยังคงติดตั้งเครื่องยนต์ V8 ทวินเทอร์โบ ความจุ 4.4 ลิตร มากับพละกำลังสูงสุด 600 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่เน้นส่งกำลังไปยังล้อหลังเป็นหลัก มีโหมดระบบขับเคลื่อนให้เลือกทั้ง 2WD, 4WD และ 4WD Sport ทั้งหมดทั้งมวลนี้ส่งผลให้ M5 สามารถทำอัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.4 วินาทีเท่านั้น

M5 ใหม่ มาพร้อมกับความพิเศษในรุ่น  M5 Competition ที่มากับพละกำลัง 625 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 750 นิวตันเมตรเท่านั้น ทำ 0-100 กม./ชม. เร็วขึ้นเป็น 3.3 วินาที ทั้งสองมีท็อปสปีดที่จำกัดไว้ที่ 250 กม./ชม. อย่างไรก็ตามลูกค้าสามารถสั่งซื้อแพ็คเกจเสริม M Driver ที่จะปลดล็อคท็อปสปีดเป็น 305 กม./ชม.

ความพิเศษของ M5 Competition ไม่ได้มีเพียงเครื่องยนต์ที่ได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้น รวมไปถึง การปรับช่วงล่างใหม่ด้วยเช่นกัน ทางวิศวกรได้ปรับช่วงล่างใหม่ โดยเฉพาะใน M5 Competitiion ติดตั้งโช้คแอบชอร์เบอร์จาก M8 Gran Coupé และปรับแต่งแซสซีส์ใหม่ โดยตัวรถจะเตี้ยกว่า M5 รุ่นมาตรฐาน  7 มิลลิเมตร การปรับแต่งเหล่านี้ส่งผลทำให้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการขับขี่ บนทางหลวงด้วยความเร็วสูง

 

 

เครดิต www.autospinn.com