หลายคนต้องมีประสบการณ์กับอาการรถ คือสตาร์ทไม่ติด ปัญหาหลักๆคือแบตเตอรี่เสื่อมสภาพ ไฟหมด นั่นเอง วันนี้เราจะมาดูอาการที่เริ่มต้นของปัญหานี้กัน

แน่นอนว่ารถทุกคันต้องมีแบตเตอรี่ในการสตาร์รถ ไม่ว่ารถคุณจะเก่าหรือใหม่แค่ไหน หรือว่ารถคุณจะเป็นระบบไฮบริดก็ตาม เพราะระบบไฟต่างภายในรถจะทำงานแยกส่วนกันและกำลังในการจ่ายไฟฟ้าก็ไม่เท่ากันด้วย ดั่งนั้นเราจะมาดูกันว่าก่อนเกิดปัญหาจะมีอาการอะไรกันบ้าง ที่เรียกว่าแบตเสื่อม และจะทำการแก้ไขได้อย่างไรกันบ้าง

รถในกลุ่มไฮบริดมีไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ของมอเตอร์ไฟฟ้าแล้วนิ!!! ต้องเข้าใจก่อนว่าการทำงานของแบตเตอรี่รถยนต์มีหน้าที่หลัก ที่เก็บและจ่ายกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ของเครื่องยนต์เพื่อให้ทำงานได้ เช่น มอเตอร์สตาร์ท ระบบจุดระเบิด ในขณะที่สตาร์ทรถยนต์ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในรถด้วย  เช่น ระบบไฟส่องสว่าง วิทยุ ซึ่งจะแยกการทำงานกับระบบขับเคลื่อน ของรถที่จะมีการจ่ายไฟที่สูงกว่ามากที่จะนำพาให้รถวิ่งได้ นั่นเอง

อาการเสื่อมของแบตเตอรี่ ที่สังเกตได้

1. อาการรถสตาร์ทยาก สั่งเกตได้ชัดเจนตอนเช้าก่อนออกจากบ้าน เราจะสังเกตได้ว่ารถสตาร์ทติดยากกว่าปกติ หน้าจอเวลาสตาร์ท เหมือนไฟไม่พอ  นั่นแสดงว่ามีประจุไฟไม่พอสำหรับสตาร์ทเครื่องยนต์

2  ในเวลากลางคือ ไฟหน้าสว่างน้อยลง เนื่องจากประจุไฟฟ้าในแบตเตอรี่ไม่เพียงพอ หรือสังเกตได้อีกอย่างเวลาแอร์ตัด ไฟหน้าจะกระพริบ นั้นเเสดงว่าไฟไม่พอ

3 กระจกไฟฟ้าขึ้นลงได้ยากกว่าเดิม เหมือนไม่มีแรง

วิธีการตรวจสอบ หรือบำรุงรักษา

1 สักเกตอาการรถในตอนเช้าจะชัดเจนที่สุด

2 ตรวจสอบแบตเตอรี่ทุกปี โดยเวลาเข้าศูนย์ให้ช่างตรวจเช็ค การเก็บไฟของแบตเตอรี่ยังดีหรือไม่

3 รถในปัจจุบันบางรุ่นมีการแจ้งเตือนก่อนเกิดปัญหา และในบางรุ่นจะแสดงกระแสไฟให้เห็น

วิธีแก้ไข

1 รถใหม่โทรเรียกประกัน หรือเบอร์ร้านใกล้รถเราให้วิ่งมาเปลี่ยนแบตเตอรี่ให้

2 อุปกรณ์ที่ควรมีติดรถคือ สายพ่วงแบต มีติดรถเอาไว้เพื่อฉุกเฉิน

สรุป 

สำหรับ อาการแบตเตอรี่เสื่อมสภาพนั้น หลายท่านต้องเคยเจอ แน่นอน อายุของแบตเตอรี่นั้นขึ้นอยู่กับการใช้งาน ซึ่งแบตเตอรี่รถยนต์ส่วนใหญ่จะมีอายุการใช้งานอยู่ที่ 1.5 – 2 ปี ถ้าใช้รถทุกวันอายุจะอยู่ประมาณ 2-3 ปี แต่ถ้าจอดนานก็จะอยู่ที่ ปีกว่าๆ เท่านั้น

 

 

เครดิต www.autospinn.com