รถยนต์รุ่นใหม่ๆ สมัยนี้ล้วนแต่มีระบบบลูทูธ (Bluetooth) มาให้จากโรงงานแทบทั้งสิ้น ช่วยให้สามารถฟังเพลงจากสมาร์ทโฟน หรือคุยโทรศัพท์แบบไร้สายได้อย่างปลอดภัยมากยิ่งขึ้น แต่หากรถของคุณไม่มีระบบบลูทูธก็อย่าเพิ่งน้อยใจไป บทความนี้เราขอแนะนำ 2 ไอเท็มเด็ดราคาประหยัดที่ช่วยให้รถของคุณมีบลูทูธไว้ฟังเพลงมาฝากกันครับ
หากรถของคุณมีช่อง AUX
กรณีที่รถของคุณมีช่อง AUX ขนาด 3.5 มม. เราขอแนะนำ “Bluetooth Receiver” ซึ่งมีราคาตั้งแต่ประมาณ 200 บาทขึ้นไปแล้วแต่ยี่ห้อ-รุ่น โดยวิธีใช้งานจำเป็นต้องเชื่อมต่อสมาร์ทโฟนเข้ากับ Bluetooth Receiver ผ่านระบบบลูทูธ จากนั้นจึงเสียบปลายขนาด 3.5 มม. เข้ากับช่อง AUX ของรถยนต์ และเปิดโหมด AUX ที่ตัวเครื่องเสียง ก็จะสามารถฟังเพลงหรือคุยโทรศํพท์จากสมาร์ทโฟนได้แล้ว
ปัจจุบัน Bluetooth Receiver มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ทั้งแบบชาร์จไฟปกติ และแบบเสียบเข้ากับช่อง USB เพื่อชาร์จไฟ ซึ่งแบบหลังจะให้ความสะดวกมากกว่าเนื่องจากไม่ต้องถอดออกมาชาร์จไฟอยู่บ่อยๆ และสามารถเปิด-ปิดได้อัตโนมัติเมื่อสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ แลกกับสายไฟที่มีความระโยงระยางมากกว่าแบบแรก
คำค้นหา: car bluetooth receiver, aux bluetooth receiver, 3.5mm bluetooth receiver
หากรถของคุณไม่มีช่อง AUX
กรณีรถของคุณไม่มีแม้กระทั่งช่อง AUX ก็ยังสามารถเชื่อมต่อผ่านบลูทูธได้ด้วยการใช้ “FM Transmitter” ซึ่งจะมีลักษณะเป็นหัวสำหรับเสียบเข้าช่องจ่ายไฟขนาด 12 โวลต์ โดยจำเป็นต้องเชื่อมต่อเจ้า FM Transmitter เข้ากับสมาร์ทโฟนผ่านระบบบลูทูธเสียก่อน จากนั้นจึงเลือกความถี่วิทยุที่ต้องการ พร้อมทั้งปรับจูนคลื่นวิทยุของตัวรถให้ตรงกับสัญญาณที่ปล่อยออกมา เพียงเท่านี้ก็จะสามารถฟังเพลงหรือคุยโทรศัพท์แบบไร้สายได้
อย่างไรก็ดี FM Transmitter อาจมีข้อด้อยในเรื่องคุณภาพเสียงที่ไม่สามารถสู้ Bluetooth Receiver ได้ เนื่องจากเป็นการส่งสัญญาณผ่านคลื่นวิทยุ อีกทั้งยังอาจมีคลื่นรบกวนได้ง่าย จำเป็นต้องคอยปรับจูนคลื่นอยู่บ่อยๆ ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่ที่เดินทางไป
คำค้นหา: car fm transmitter, bluetooth fm transmitter, fm transmitter car charger
แม้ว่าคุณภาพเสียงของอุปกรณ์ทั้ง 2 ชนิด อาจไม่สามารถสู้เครื่องเสียงที่มีระบบ Bluetooth ติดตั้งมาให้จากโรงงานได้ แต่ก็เป็นวิธีที่แลกมาด้วยค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการเปลี่ยนเครื่องเสียงชุดใหม่อยู่โขเชียวล่ะครับ
เครดิต www.sanook.com