รถยนต์ที่ถูกใช้งานเป็นประจำก็ต้องเกิดการสึกหรอ ถ้าไม่ได้รับการดูแลบำรุงรักษาอย่างสม่ำเสมอ แต่บางครั้งเราไม่อาจรู้ได้ว่ารถยนต์จะเกิดปัญหาเมื่อไหร่ และจะมีปัญหาอะไรที่จะเกิดขึ้นกับรถได้บ้าง เราลิสมาให้แล้ว


รวมปัญหารถยนต์ที่เจอบ่อย คนขับรถต้องรู้

ปัญหาที่เกิดขึ้นกับรถยนต์ มีทั้งอันตรายถึงแก่ชีวิต และเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นบ่อย ผู้ที่ใช้รถต้องคอยสังเกตอาการและทราบถึงวิธีแก้ปัญหาเบื้องต้น และที่สำคัญควรนำรถเข้าเช็คที่ศูนย์บริการเพื่อตรวจเช็คสภาพของรถอยู่เสมอ

  • อาการแบตเตอร์รี่เสื่อม

โดยมากอาการแบตเตอร์รี่เสื่อมสภาพหรือหมดอายุการใช้งานอาการนี้พบได้บ่อยมาก สาเหตุเกิดจากรถมีการดึงพลังงานมาใช้มากเกินไป หรืออาจลืมเปิดไฟทิ้งไว้ และใช้งานไฟฟ้าในรถนานเกินไป และเป็นอาการสำคัญที่ทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่สตาร์ทไม่ติด ดังนั้นจึงควรนำรถไปเช็คสภาพอยู่เสมอ

  • หัวเทียนบอด

ยิ่งใช้รถนาน มันก็ส่งผลให้มันทำงานหนัก และอาจเสื่อมสภาพได้ ทำให้รถคุณวิ่งอืด กินน้ำมันมากกว่าปกติ วิธีการป้องกันคือส่งรถตรวจเป็นระยะ ๆ และเปลี่ยนหัวเทียนนั่นเอง

  • ได้กลิ่นเหม็นไหม้

หากรถของคุณมีกลิ่นเหม็นไหม้ แสดงว่ารถยนต์ของคุณเกิดความเสียหายแน่นอน อาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ และอาจเป็นสาเหตุอันตรายจนถึงแก่ชีวิตได้ เช่น เบรกไหม้ สายพานไหม้ ท่อไอเสียปริแตก ลูกสูบไหม้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่จะทำให้ไฟไหม้รถได้ ถ้าได้กลิ่นในตอนที่กำลังขับรถ ควรจอดรถในที่ที่ปลอดภัย และออกจากรถอย่างเร็วที่สุด และโทรแจ้งศูนย์บริการที่ใกล้ที่สุด เพื่อตรวจเช็ครถได้อย่างทันท่วงที

  • ปัญหาที่เกิดจากยาง

สาเหตุของปัญหาที่เกิดขึ้นกับยาง ไม่ว่าจะเป็นยางแบน ยางเสื่อมสภาพ ไปเหยียบของแหลมคมทำให้ยางเสียหาย ไม่สามารถขับรถต่อได้ ข้อควรระวังคือหมั่นตรวจเช็ตสภาพยางอยู่เสมอ ความดันลมยางที่ถูกต้อง ตามศูนย์บริการได้อย่างสะดวก

  • เครื่องสั่นจนดับ

เมื่อขับรถแล้วเกิดอาการเครื่องสั่นจนผิดปกติจนดับ เป็นปัญหาที่เกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ ซึ่งในเครื่องยนต์มีชิ้นส่วนอยู่เป็นร้อยเป็นพันชิ้น ควรเข้าศูนย์บริการหรืออู่ เพื่อตรวจเช็คให้แน่ใจว่าเกิดจากสาเหตุใด

  • สตาร์ทเครื่องนานกว่าปกติ

หากรถของคุณ ต้องใช้เวลาในการสตาร์ทเครื่องนานกว่าปกติ แสดงว่ารถของคุณมีแนวโน้มว่าแบตเตอรี่รถอาจเสื่อม หรือใกล้หมดเต็มทีแล้ว ดังนั้นจึงควรนำรถไปเช็คสภาพอยู่เสมอนะครับ

  • สตาร์ทติดยาก

ปัญหาที่เกิดขึ้นแบบที่เราไม่ทันตั้งตัว เกิดขึ้นได้ทั้งรถใหม่และรถเก่า อาการของรถที่สตาร์ทไม่ติดมีหลายสาเหตุมาก ทั้ง แบตเตอรี่ หัวเทียน หรือระบบจ่ายเชื้อเพลิงมีปัญหา แก้ปัญหาเบื้องต้นด้วยการจั้มป์แบตเพื่อทำการสตาร์ทให้ติดก่อนเบื้องต้น หลังจากนั้นควรนำรถไปเช็คสภาพอยู่เสมอนะครับ

  • รู้สึกว่าช่วงล่างนุ่มยวบผิดปกติ

เวลาขับรถ ขึ้น-ลง สะพาน และรู้สึกว่ารถยนต์นุ่ม ยวบ ผิดปกติ อาจจะเป็นเพราะช่วงล่างเริ่มมีปัญหา ไม่ว่าจะเป็นโช้กเสื่อม ลมยางอ่อน และอื่น ๆ อีกหลายสาเหตุ

  • มีควันขาวออกมาจากท่อไอเสีย

หากรถของคุณมีควันขาวออกมาจากท่อไอเสีย หมายถึงระบบหล่อเย็นของเครื่องยนต์มีปัญหา ก่อนจะลุกลามไปมากกว่านี้ ควรนำรถเข้าตรวจเช็กโดยด่วน

  • ช่วงล่างแข็งกระด้าง

หากคุณขับหรือนั่งแล้วรู้สึกรถตึงตัง ตกหลุมแล้วเสียงดังอาจเกิดจากระบบช่วงล่างมีปัญหา เช่น โช้คอัพเสื่อมเช็กเพิ่มเติมก้มดูที่โช้คว่ามีอะไรเปียก ๆ เหนียว ๆ ติดไหม ถ้ามีอาจเป็นโช้ครั่ว เช็กลมยางอ่อน หรือสาเหตุอื่น ๆ ควรเข้าศูนย์บริการเป็นการด่วน

  • แอร์ไม่เย็น

ปัญหาแอร์ไม่เย็นก็ติดอันดับต้น ๆ ของปัญหาในรถยนต์แน่นอน สาเหตุหลักคือน้ำยาแอร์หมด อาจจะรั่วตามท่อหรือจุดต่างๆ หรือใช้งานรถมาเป็นระยะเวลานานแล้ว วิธีแก้ปัญหาคือเติมน้ำยาแอร์ หรือ ล้างระบบแอร์ในรถยนต์ เปลี่ยนที่กรองแอร์

ปัญหาของรถยนต์มีหลายเรื่อง ๆ จนเอามาพูดไม่หมด ซึ่งวิธีการป้องกันที่ดีที่สุด คือเข้าตรวจเช็คสภาพรถ และเปลี่ยนอะไหล่ตรงตามเวลาอยู่เสมอ เตรียมเบอร์ประกันภัย และเบอร์โทรฉุกเฉิน เมื่อเกิดปัญหา จะได้แก้ไขได้อย่างทันท่วงที

 

 

เครดิต www.autospinn.com