ประกันชั้นไหนที่คุ้มครองเมื่อรถไฟไหม้ และในกรณีที่ไฟไหม้บ้านแล้วมีผลกระทบเสียหายต่อตัวรถ ประกันจะคุ้มครองหรือไม่ มาดูกันครับ

รถไฟไหม้ ประกันชั้นไหนบ้างที่จะคุ้มครอง ?

รถไฟไหม้ ไม่ว่าจะเป็นอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ในบางเหตุการณ์อาจเกิดความรุนแรงจนส่งผลให้รถไฟไหม้ รถระเบิด รวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ที่เป็นสาเหตุของไฟไหม้รถ เช่น ระบบไฟฟ้าขัดข้อง น้ำมันเชื้อเพลิงรั่ว และอื่น ๆ เป็นต้น ซึ่งในกรณีรถไฟไหม้ล่าสุดนั้น

ประกันที่คุ้มครอง ได้แก่ ประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2 และ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ เป็นประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองเมื่อเกิดเหตุการณ์รถไฟไหม้ในทุกกรณี ตามรายละเอียดและเงื่อนไขที่ได้กำหนดไว้ตามกรมธรรม์ของประกันรถยนต์ สำหรับประกันที่ไม่คุ้มครองในส่วนของ รถไฟไหม้ นั้นได้แก่ ประกันรถยนต์ชั้น 3 และ ประกันรถยนต์ชั้น 3+

ความคุ้มครองของประกันรถยนต์ เมื่อรถไฟไหม้

ประกันรถยนต์ชั้น 1 เป็นประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมหลากหลายรูปแบบเกี่ยวกับรถยนต์ ไม่จำกัดแค่เพียงอุบัติเหตุรถชนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง รถไฟไหม้ และการคุ้มครองในกรณีที่รถยนต์ถูกโจรกรรม รถยนต์สูญหาย ซึ่งการคุ้มครองในกรณี รถไฟไหม้ นั้น ถ้าหากคุณกำลังขับขี่รถยนต์หรือรถจอดเฉย ๆ ไฟไหม้ ทางประกันรถยนต์ก็จะดำเนินการคุ้มครองทันที

เจ้าของรถยนต์ที่ทำประกันรถยนต์เอาไว้ สามารถที่จะนำเอกสารหลักฐานเพื่อแจ้งเคลมประกันรถยนต์ได้ทันที ซึ่งจะมีการจ่ายตามกรมธรรม์และทุนประกันที่คุณได้ซื้อเอาไว้ โดยจะมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละบริษัทประกันรถยนต์

รถไฟไหม้จากเหตุการณ์ไฟไหม้บ้าน ประกันรถยนต์คุ้มครองด้วยหรือไม่ ?

หลังจากที่เราได้ทำความเข้าใจเกี่ยวกับประกันรถยนต์ที่คุ้มครอง รถไฟไหม้ แล้ว เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับขอบเขตของการคุ้มครอง ซึ่งทาง ประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2 และ ประกันรถยนต์ชั้น 2+ จะทำการคุ้มครองความเสียหายของรถยนต์คันที่ได้ทำประกันเอาไว้ ตลอดจนการรับผิดชอบค่าเสียหายตามเงื่อนไขที่ได้ระบุไว้ภายในกรมธรรม์ ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุใดในการไหม้รถยนต์ที่เกิดขึ้นทั้งตัวของรถยนต์เอง และ สาเหตุอื่น ๆ

สำหรับการพิจารณารับผิดชอบในกรมธรรม์เกี่ยวกับค่าเสียหายของรถที่ได้ทำประกัน สามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณี ได้แก่ 1. รถเสียหายสิ้นเชิง หรือ รถเสียหายหนัก และ 2. รถได้รับความเสียหาย โดยมีรายละเอียดของแต่ละกรณี ดังต่อไปนี้

  • รถยนต์เสียหายสิ้นเชิง หรือ รถเสียหายหนัก

การพิจารณาการรับผิดชอบในกรมธรรม์ เมื่อรถเสียหายสิ้นเชิง หรือ รถเสียหายหนัก คือ รถยนต์ของผู้เอาประกันภัยหรือรถยนต์ที่เกิดเหตุ ได้รับความเสียหายอย่างรุนแรงจนไม่สามารถซ่อมรถให้กลับไปสู่สภาพเดิม ซึ่งระดับความเสียหายจะต้องไม่น้อยกว่า 70% โดยเทียบกับมูลค่าของรถยนต์ในขณะที่มีเหตุการณ์หรือไฟไหม้รถยนต์ จึงจะสามารถเรียกได้ว่าเป็น รถเสียหายหนัก หรือ รถเสียหายสิ้นเชิง

แต่ถ้าหากในกรณีที่ทุนประกันของรถยนต์ที่ทำประกันไม่ต่ำกว่า 80% ของมูลค่ารถยนต์ในขณะที่ได้ทำประกันภัย กรณีดังกล่าว ผู้เอาประกันภัยหรือเจ้าของรถ จะต้องทำการโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์ให้แก่ทางบริษัทประกันภัยทันที ซึ่งทางบริษัทประกันภัยจะชำระเงินค่าสินไหมทดแทนให้แก่ผู้รับผลประโยชน์ เจ้าของรถหรือผู้เอาประกันภัยอย่างเต็มจำนวนตามที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์และถือว่าการคุ้มครองรถคันดังกล่าวที่ไฟไหม้สิ้นสุดลง

  • รถยนต์ได้รับความเสียหาย

ในกรณีที่ 2 คือ รถได้รับความเสียหาย หมายถึง รถยนต์มีเหตุการณ์ไฟไหม้แต่ไม่ถึงระดับการเสียหายรุนแรงหรือเสียหายสิ้นเชิง ซึ่งทางบริษัทประกันภัยและผู้เอาประกันสามารถที่จะตกลงร่วมกันได้ว่าควรซ่อมรถให้กลับคืนมาสภาพเดิม หรืออาจจะเปลี่ยนรถยนต์ที่มีสภาพเดียวกันมาใช้ทดแทนได้ หรือ การชดเชยในรูปแบบเงินสด ซึ่งทั้งหมดจะขึ้นอยู่กับการตกลงของบริษัทและผู้เอาประกันภัยหรือเจ้าของรถยนต์

การคุ้มครองในกรณีที่ รถไฟไหม้ติดแก๊ส

อีกหนึ่งคำถามที่มีคนสงสัยเป็นจำนวนมากก็คือ ในกรณีที่รถยนต์ติดแก๊สเกิดเหตุไฟไหม้ ประกันรถยนต์จะคุ้มครองหรือไม่ โดยทางประกันรถยนต์จะไม่คุ้มครองรถยนต์ติดแก๊ส ในกรณีดังต่อไปนี้

  • เจ้าของรถยนต์ติดตั้งถังแก๊สที่ไม่มีคุณภาพ ไม่ได้มาตรฐาน มอก. หรือ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม
  • ผู้เอาประกันภัยติดตั้งแก๊สหลังจากที่ทำประกันรถยนต์เรียบร้อยแล้ว และไม่มีการส่งเอกสารเพื่อยืนยันการติดตั้งแก๊สให้แก่ทางบริษัทประกันภัย
  • ถึงแม้ว่าทางเจ้าของรถยนต์จะติดตั้งแก๊สตามมาตรฐาน มอก. หรือ มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม แต่ถ้าหากไม่แจ้งกรมขนส่งทางบกหลังจากติดตั้งแก๊สเรียบร้อยแล้ว ทางบริษัทประกันรถยนต์ก็ไม่คุ้มครองเช่นเดียวกัน

นอกเหนือจากนี้ยังมีกรณีที่ไม่คุ้มครองแตกต่างกันออกไปตามที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์ ซึ่งผู้ขับขี่จะต้องสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาภายหลัง

แล้วจะแจ้งบริษัทประกันภัยอย่างไรเมื่อคุณติดตั้งแก๊สบนรถยนต์ ไม่ว่าจะเป็น LPG หรือ NPG มีขั้นตอนง่าย ๆ ดังต่อไปนี้

  • แจ้งเจ้าหน้าที่ตัวแทนหรือแจ้งผ่านนายหน้า รวมถึงการแจ้งโดยตรงไปยังบริษัทประกัน
  • จัดเตรียมและส่งเอกสารการจดทะเบียนเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงประเภทเชื้อเพลิงให้แก่บริษัทประกัน
  • ใบเสร็จรับเงินค่าติดตั้งแก๊สหรือค่าติดตั้งอุปกรณ์แก๊สบนรถยนต์ เป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรทิ้งและลืมเด็ดขาด เก็บไว้ให้ครบถ้วน

เหตุผลที่ควรทำประกันรถยนต์ที่คุ้มครองรถไฟไหม้

ทำไมถึงควรทำประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองรถไฟไหม้ อาจเป็นอีกหนึ่งข้อสงสัยของหลาย ๆ คนที่เห็นได้ว่าในปัจจุบันการทำประกันรถยนต์ที่ให้ความคุ้มครองในกรณีรถไฟไหม้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ซึ่งต้องบอกเลยว่าอุบัติเหตุนั้นเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ ผู้ขับขี่ไม่สามารถทราบได้ถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าแต่สามารถที่จะเลือกกรมธรรม์ประกันรถยนต์ที่มีความคุ้มครองที่ครอบคลุมเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน

ซึ่งการทำประกันรถยนต์ที่คุ้มครองรถไฟไหม้ จะอยู่ในส่วนของประกันรถยนต์ชั้น 1 ประกันรถยนต์ชั้น 2 และประกันรถยนต์ชั้น 2+ ที่คุณสามารถเลือกซื้อได้ตามรายละเอียดและงบประมาณ ถ้าหากต้องการที่ราคาไม่แพงมากนัก ประกันรถยนต์ชั้น 2+ ก็ถือว่าเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย หรือถ้าหากต้องการประกันรถยนต์ที่ครอบคลุมแต่เบี้ยประกันค่อนข้างสูง การเลือกประกันรถยนต์ชั้น 1 ก็ถือว่าคุ้มค่าเป็นอย่างมาก

การทำประกันรถยนต์คุ้มครองรถไฟไหม้นั้นคุณจะได้รับการดูแลที่ครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นค่าเสียหายหรือค่าสินไหมทดแทนรถที่เสียหาย ตลอดจนค่ารักษาพยาบาล และการซ่อมรถยนต์ที่ทางบริษัทประกันภัยจะคุ้มครองและจ่ายเองทั้งหมด ตามกำหนดเงื่อนไขที่ได้ระบุไว้ในกรมธรรม์

 

 

ที่มา : https://www.roojai.com/

เครดิต www.autospinn.com