เคยมั้ยครับ ขับรถโดยใช้ความเร็วปกติ เหมือนทุก ๆ วัน แต่วันนึงเกิดมีเสียงหอนจากล้อ ดังคล้ายกับมีรถโฟวีลวิ่งอยู่ข้าง ๆ หรือเหมือนมีเฮลิคอปเตอร์บินอยู่เหนือศีรษะ

ก่อนอื่นเราต้องแยกให้ออกก่อนว่า เสียงหอนที่ได้ยินนั้น ดังมาจากสภาพแวดล้อมภายนอก ยาง หรือลูกปืนล้อ

  • หากเป็นที่สภาพแวดล้อมภายนอก วิธีสังเกตคือ หากเราวิ่งบนถนนแบบคอนกรีตแล้วยางมีเสียงดัง แต่พอวิ่งบนถนนลาดยาง กลับไม่มีเสียงอะไรเลย ก็แปลว่าเกิดจากสภาพแวดล้อมภายนอกไม่เกี่ยวกับตัวรถ กรณีกรณีนี้สบายใจได้เลยครับ
  • หากเป็นที่ยาง วิธีสังเกตคือ ให้ตรวจสอบสภาพของยาง เพราะเสียงหอนที่เกิดขึ้นอาจมาจากการเสื่อมสภาพของยาง ดูปีที่ผลิต หากใช้งานมาเกิน 5 ปี ก็มีโอกาสที่ยางจะเริ่มแข็งด้าน เสื่อมสภาพจนมีเสียงหอน
  • หากเป็นที่ลูกปืนล้อ จะดังเฉพาะล้อที่มีปัญหา และเราจะรู้สึกได้จากการฟังเสียงตอนขับว่าดังมาจากล้อไหน จากนั้นให้ยกรถขึ้นแม่แรงให้ล้อลอย แล้วลองโยกดู โดยวิธีการโยก ให้จับล้อที่ ด้านบนกับด้านล่าง หรือ ด้านซ้ายกับด้านขวา แล้วลองโยกดู หากลูกปืนเสียหายหนักล้อจะแกว่งได้

โดยปกติแล้ว ลูกปืนล้อรถยนต์จะมีอายุการใช้งานประมาณ 100,000 กม. การที่จะทำให้ลูกปืนล้อจะแตกได้นั้น หลัก ๆ จะมาจาก 3 สาเหตุ

  • เกิดจากการใช้งาน ลูกปืนล้อจะติดตั้งอยู่บริเวณดุมล้อ ทำหน้าที่เป็นตัวช่วยลดแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นระหว่างการขับขี่ เป็นจุดหมุนระหว่างแกนล้อและดุมล้อ ขณะรถกำลังเคลื่อนที่ ตลับลูกปืนล้อจะหมุนอยู่ตลอดเวลา เมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลานาน ก็มีโอกาสเกิดการสึกหรอได้ หรือบางกรณี ก็เกิดจากการถูกกระแทกอย่างแรง เช่นการขับรถตกหลุม เป็นต้น
  • เกิดจากการขับรถลุยน้ำ หรือจอดแช่น้ำเป็นเวลานาน ซึ่งก็มีโอกาสทำให้เกิดสนิมที่ชิ้นส่วนภายในลูกปืน จนทำให้การหมุนติดขัด และก็พังในที่สุด
  • เกิดจากการใช้วัสดุที่ไม่ได้คุณภาพในการผลิต เช่น จาระบีภายในลูกปืนเสื่อมสภาพไว ไม่ทนต่อความร้อน เป็นต้น

อาการของลูกปืนล้อแตก จะเริ่มจากเบาไปหนัก อาการเริ่มแรกจะเริ่มได้ยินเสียงหอนที่บริเวณล้อในขณะที่ทำความเร็วสูงเช่นความเร็ว 80 กม./ชม. ขึ้นไป โดยจะมีเสียงเหมือนเหมือนเฮลิคอปเตอร์อยู่บนศีรษะ หรือเสียงเหมือนรถโฟวีลวิ่งอยู่ทางด้านข้าง

เมื่ออาการหนักขึ้นเรื่อย ๆ จะเริ่มเข้าสู่อาการที่สองคือจะเริ่มได้ยินเสียงหอนที่ความเร็วต่ำ เช่นใช้ความเร็วแค่ 50 กม./ชม. ก็จะเริ่มได้ยินเสียงหอน และเสียงจะเริ่มดังขึ้นเรื่อย ๆ

หากละเลยไม่รีบแก้ไขจะเข้าสู่อาการที่สาม ซึ่งถือว่าเป็นอาการที่หนักมากคือ ดุมล้อเกิดความเสียหาย เกิดเป็นช่องว่างทำให้ล้อจะเริ่มแกว่ง เมื่อใช้ความเร็วสูงอาจทำให้เสียการควบคุม

โดยปกติแล้ว อาการลูกปืนล้อแตก ผู้ขับขี่จะรู้ตัวได้ง่าย เพราะจะมีเสียงหอนที่ดังผิดปกติ จะเริ่มเอะใจกับเสียงที่เกิดขึ้น และนำรถไปให้อู่หรือศูนย์บริการตรวจเช็กซ่อมแซม แต่ก็ยังมีผู้ขับขี่อีกหลายคน ที่ได้ยินเสียง แต่ยังละเลย จนอาการเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ หากปล่อยไว้นาน ดุมล้อจะเกิดความเสียหาย เกิดเป็นช่องว่างทำให้ล้อจะเริ่มแกว่ง เมื่อใช้ความเร็วสูงอาจทำให้เสียการควบคุม เมื่อถึงเวลานั้นแล้วค่าซ่อมจะแพงกว่าปกติ จากเดิมที่ต้องเปลี่ยนแค่เฉพาะตัวลูกปืน กลับกลายเป็นต้องเปลี่ยนทั้งดุมล้อ เสียค่าซ่อมที่แพงขึ้น

การเปลี่ยนลูกปืนล้อรถยนต์จะมีอยู่ 2 แบบ

แบบที่ 1 เปลี่ยนทั้งดุมล้อ เนื่องจากชิ้นส่วนเสื้อดุมล้อและลูกปืนเป็นชิ้นเดียวกัน ตามการออกแบบของผู้ผลิต ถอดล้อออกมาแล้วเปลี่ยนยกชุด ข้อดีก็คือตรงตามสเปคของชิ้นส่วนอะไหล่ ข้อเสีย มีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าแบบที่ 2

แบบที่ 2 เปลี่ยนเฉพาะตลับลูกปืน ข้อดีคือ ราคาถูก แต่การเปลี่ยนนั้นต้องหาช่างที่มีประสบการณ์ และมีเครื่องมือในการถอด เพราะการถอดตลับลูกปืนออกจากดุมล้อนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยส่วนใหญ่จะใช้เครื่องมือพิเศษในการถอด หรือใช้เครื่องไฮดรอลิกอัด ซึ่งจะใช้เวลาในการเปลี่ยนที่นานกว่าแบบแรก แต่ปัจจุบันอู่ทั่ว ๆ ไปก็สามารถทำได้ครับ
สำหรับการเปลี่ยนลูกปืนนั้น ต้องประเมินตามความเสียหายด้วย หากอาการหนักจนทำให้ดุมล้อเสียหาย ก็อาจต้องใช้วิธีแรกเท่านั้น

อย่างที่ได้กล่าวไปในตอนต้น ว่าลูกปืนล้อ คือชิ้นส่วนที่สำคัญ มีผลต่อการขับขี่และความปลอดภัย ดังนั้นการเลือกใช้เราต้องดูในเรื่องของคุณสมบัติ และมาตรฐานในการผลิต หรือง่ายที่สุดคือการเลือกซื้อกับแบรนด์ที่เชื่อถือได้ อย่างเช่น ลูกปืนล้อ Aisin (ไอชิน)

ลูกปืนล้อแม้จะเป็นแค่ชิ้นส่วนเล็ก ๆ แต่ต้องรองรับทั้งน้ำหนักตัวรถ แรงกระแทก จึงต้องมีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อสภาวะแวดล้อมภายนอก ทั้งความร้อนสูง และการขับลุยน้ำ และที่สำคัญคือต้องมีลดแรงเสียดทานในการหมุน ซึ่งคุณสมบัติเหล่านี้มีอยู่ในผลิตภัณฑ์ลูกปืนล้อ Aisin

 

เครดิต www.autospinn.com

 

เทอร์โบ HINO P11C รถเมืองไทย เลี้ยงน้ำ