ยังคงเป็นคำถาม (เกือบ) โลกแตกสำหรับเจ้าของรถ ว่าก่อนดับเครื่องยนต์นั้น จำเป็นจะต้องปิดสวิตช์แอร์ทุกครั้งจริงหรือไม่? หากไม่ปิดจะมีผลเสียในระยะยาวหรือเปล่า?

     โดยปกติแล้วการที่ระบบปรับอากาศจะสามารถทำงานได้อย่างสมบูรณ์นั้น (พูดง่ายๆคือแอร์เย็นนั่นแหละ) เครื่องยนต์จำเป็นต้องติดอยู่ เนื่องจากคอมเพรสเซอร์แอร์จะถูกขับเคลื่อนด้วยสายพานร่วมกับเครื่องยนต์กำลังทำงานอยู่นั่นเอง แต่หากดับเครื่องยนต์ทิ้งไว้แล้วเปิดแอร์ จะมีเพียงลมจากโบลว์เออร์ออกมาเท่านั้น ไม่มีความเย็นออกมาด้วย แม้จะเปิดหรือปิดสวิตช์ A/C อยู่ก็ตาม

     ปัจจุบันหลายคนยังมีความเชื่ออยู่ว่า ก่อนจะดับเครื่องยนต์นั้น จำเป็นต้องปิดแอร์ก่อนเสมอ เพราะเวลาที่สตาร์ทเครื่องยนต์อีกครั้ง ตัวรถจะมีการโหลดกระแสไฟมากกว่าปกติ เนื่องจากต้องจ่ายกระแสไฟให้ระบบแอร์ รวมถึงการทำงานของคอมเพรสเซอร์จะทำให้กระแสไฟกระชาก ผลคือเครื่องยนต์กินไฟมากขึ้น สตาร์ทยาก และอาจทำให้ระบบไฟเสียหายได้ ซึ่งความเห็นเหล่านี้อาจเป็นจริงสำหรับรถยนต์สมัย 30 ปีที่แล้ว!

     เนื่องจากรถยนต์ในปัจจุบัน จะมีระบบตัดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดขณะสตาร์ทเครื่องยนต์ (เมื่อบิดกุญแจไปยังตำแหน่ง Start หรือเมื่อระบบ Push Start กำลังทำงาน) นั่นหมายความว่าโบลว์เออร์ที่เป่าลมแอร์ออกมานั้น จะหยุดการทำงานไว้ชั่วคราวเช่นกัน และเมื่อรถยนต์สตาร์ทติดแล้ว รีเลย์จะชะลอการทำงานของคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ประมาณ 1-2 วินาที จึงจะเริ่มมีความเย็นออกมา จึงไม่มีผลทำให้กระแสไฟกระชากแต่อย่างใด

     แต่สำหรับรถยนต์สมัยก่อนอายุ 30 ปีขึ้นไป ที่ต้องติดตั้งระบบแอร์เป็นออปชันเสริมนั้น ระบบแอร์เหล่านี้อาจทำงานไม่สัมพันธ์กับเครื่องยนต์เหมือนรถในปัจจุบัน เช่น ไม่มีการตัดการทำงานขณะสตาร์ท หรือคอมเพรสเซอร์แอร์จะทำงานทันทีที่เครื่องยนต์ติด ซึ่งเหล่านี้มีผลทำให้ไฟกระชาก ก่อเกิดการสึกหรอของแบตเตอรี่และระบบแอร์ตามมาอย่างแน่นอน นั่นจึงเป็นความคิดฝังหัวเรื่อยมา ว่าก่อนสตาร์ทเครื่องยนต์ทุกครั้งจำเป็นต้องดับแอร์ก่อนเสมอ

     อย่างไรก็ดี แม้ว่าการเปิด-ปิดแอร์จะไม่มีผลอย่างชัดเจนต่อการสตาร์ทเครื่องยนต์ แต่การไม่ปิดแอร์ก่อนดับเครื่องหรือสตาร์ทเครื่อง ก็มีผลทำให้เปลืองไฟจากแบตเตอรี่อยู่บ้าง ดังนั้น หากใครติดนิสัยต้องปิดแอร์ก่อนดับเครื่องยนต์อยู่แล้วล่ะก็ ให้ปฏิบัติเช่นนั้นต่อไปจะดีที่สุดครับ

 

 

เครดิต www.sanook.com

 

ปั้มลม 14B / 4D56U / WL เป็นยังไง?