รถยนต์ส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักเป็นเกียร์อัตโนมัติแทบทั้งหมดแล้ว ซึ่งมือใหม่หลายคนอาจยังมีข้อสงสัยว่า ตำแหน่งต่างๆ ของเกียร์อัตโนมัติ ใช้งานอย่างไรบ้าง?

     เกียร์อัตโนมัติในปัจจุบันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ ได้แก่ เกียร์อัตโนมัติแบบมีลำดับขั้น และเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ซึ่งในมุมการใช้งานของคนขับรถทั่วไปถือไม่แตกต่างกันนัก เพราะยังคงใช้ชื่อเรียกตำแหน่งเกียร์เหมือนๆ กัน

ตำแหน่ง P – Park

     ตำแหน่งเกียร์ P จะถูกด้านบนสุดของแป้นเกียร์ ใช้สำหรับจอดรถเพื่อดับเครื่องยนต์ ซึ่งความพิเศษของตำแหน่งเกียร์ P คือ รถยนต์จะถูกเข้าสลักล็อค ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนที่ได้เลย ดังนั้น หากจำเป็นต้องจอดรถขวางทางคันอื่น ไม่ควรใช้ตำแหน่งเกียร์ P เด็ดขาด เพราะจะทำให้ผู้อื่นไม่สามารถเข็นรถขยับไปมาได้

ตำแหน่ง R – Reverse

     ตำแหน่งเกียร์ R ก็คือเกียร์ถอยหลังนั้นเอง ซึ่งการสลับจากตำแหน่ง P มาเป็นตำแหน่ง R จำเป็นต้องเหยียบเบรกแล้วจึงกดปุ่มปลดล็อคบริเวณหัวเกียร์ด้วย แต่หากเป็นรถที่ใช้แป้นเกียร์แบบขั้นบันได ก็จะใช้วิธีเหยียบเบรกแล้วจึงผลักคันเกียร์ไปด้านข้าง จึงจะสามารถเข้าเกียร์ R ได้

ตำแหน่ง N – Neutral

     N ก็คือ ตำแหน่งเกียร์ว่าง ตัวรถจะไม่มีการส่งกำลังใดๆ จากเครื่องยนต์ แต่หากหยุดรถในพื้นที่ลาดชัน จะทำให้รถไหลได้ ซึ่งเป็นจุดแตกต่างระหว่างเกียร์ N และ P นั่นเอง

ตำแหน่ง D – Drive

     D เป็นตำแหน่งสำหรับเคลื่อนที่ไปด้านหน้า ซึ่งโดยปกติแล้ว เกียร์ D ถือว่าครอบคลุมการขับขี่ในทุกรูปแบบ หากคุณเป็นมือใหม่หัดขับ การใช้ตำแหน่งเกียร์ D อย่างเดียวก็เพียงพอต่อการเดินทางทั่วไปแล้ว

ตำแหน่ง 4, 3 และ 2

     สำหรับรถบางรุ่นที่มีตำแหน่งเป็นตัวเลข เช่น 2, 3 และ 4 หรือ มีอักษร D ควบคู่ เช่น D2, D3 และ D4 นั่นหมายถึง อัตราทดสูงสุดที่ยอมให้เกียร์ทด ยกตัวอย่างเช่น ตำแหน่ง 2 หมายถึง รถจะใช้เพียงเกียร์ 1-2 เท่านั้น เช่นเดียวกับตำแหน่งเกียร์ 4 รถจะใช้เพียงเกียร์ 1-4 ไม่ปรับเป็นเกียร์ 5 ให้แต่อย่างใด

     ซึ่งประโยชน์ของตำแหน่งเกียร์ลักษณะนี้ คือ ใช้ในกรณีเร่งแซง หรือขึ้นทางชันด้วยความเร็ว จะช่วยให้รถมีแรงมากขึ้น แต่ทั้งนี้ ผู้ขับขี่จำเป็นต้องเลือกตำแหน่งเกียร์ให้เหมาะสมกับความเร็วในขณะนั้นด้วย

ตำแหน่ง 1 หรือ L

     ตำแหน่งเกียร์ 1 หรือ L หมายถึง เกียร์ 1 ซึ่งรถจะไม่มีการปรับอัตราทดใดๆ ให้ จะค้างอยู่ที่เกียร์ 1 เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งใช้ในกรณีขึ้นทางชันมากๆ หรือเวลาที่ต้องการแรงเบรกจากเครื่องยนต์

ตำแหน่ง M – Manual

     ตำแหน่ง M หมายถึงโหมดการขับขี่แบบเกียร์ธรรมดา โดยจะใช้การผลักคันเกียร์ตำแหน่ง + หรือ – ในการเปลี่ยนอัตราทดด้วยตัวเอง เช่น ในกรณีรถอยู่ในเกียร์ 3 ก็จะค้างไว้ที่เกียร์ 3 อยู่อย่างนั้น ไม่เปลี่ยนเป็นเกียร์ 4 ให้ แต่หากลดความเร็วลงมาจนต่ำกว่าระดับความเร็วของเกียร์นั้นๆ เกียร์จะปรับลดให้อัตโนมัติ พูดง่ายๆ คือ ปรับลงให้ แต่ไม่ปรับขึ้นให้

ปุ่ม Sport

     รถยนต์หลายคันจะมีปุ่ม Sport มาให้ บางคันอาจใช้เป็นหนึ่งในตำแหน่งเกียร์ แทนที่ด้วยสัญลักษณ์ S ซึ่งโหมดสปอร์ตจะปรับสมองกลเกียร์ให้เปลี่ยนอัตราทดในรอบเครื่องยนต์ที่สูงขึ้น ช่วยเพิ่มกำลังจากเครื่องยนต์ให้เร่งแซงได้ฉับไวกว่าปกติ ซึ่งโหมด Sport ส่วนมากจะป้องกันไม่ให้เกียร์ทดไปยังตำแหน่งสูงสุด (เช่น หากเป็นเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด สมองกลเกียร์จะสั่งงานให้ใช้เฉพาะเกียร์ 1-4 เท่านั้น) จึงไม่ควรใช้โหมด Sport ขณะขับขี่ทางไกลด้วยความเร็วสูง เพราะจะทำให้สิ้นเปลืองน้ำมันโดยใช่เหตุ

ปุ่ม Eco

     ปุ่ม Eco จะมีลักษณะการทำงานตรงกันข้ามกับโหมด Sport คือ เปลี่ยนอัตราทดให้เร็วขึ้นกว่าปกติ เพื่อป้องกันไม่ให้รอบเครื่องยนต์สูงจนเกินไป ผลที่ได้คือ รถกินน้ำมันน้อยลง แต่ก็แลกมากับตัวรถที่ตอบสนองช้าลงเช่นกัน

     เหล่านี้เป็นพื้นฐานในการขับขี่เกียร์อัตโนมัติ หากรู้จักการทำงานของตำแหน่งเกียร์แต่ละตำแหน่ง ก็จะช่วยให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นครับ

 

 

เครดิต  www.sanook.com

 

วิธีประกอบวาล์วฝาสูบ ดีแม็ก 4JJ1/4JK1 ใหม่ GZL เป็นยังไงไปดูกัน