7 ขั้นตอนเช็ครถระดับเซียนใน 10 นาทีก่อนออกเที่ยวปีใหม่

ใครกำลังจะเดินทางท่องเที่ยวหรือกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่ 2561 นี้ สภาพรถที่พร้อมถือเป็นสิ่งสำคัญ ที่จะช่วยลดโอกาสเกิดอุบัติเหตุหรือรถเสียระหว่างทางได้เราขอแนะนำ 7 ขั้นตอนเช็ครถขั้นเซียนที่ใช้เวลาเพียง 10 นาที ต้องทำอะไรบ้าง?

  1. เช็คไฟส่องสว่าง
  2. ไฟส่องสว่างถือเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมากในการขับขี่อย่างปลอดภัย ซึ่งไฟส่องสว่างที่จำเป็นต้องตรวจเช็ค ประกอบด้วย ไฟหน้า (ไฟสูง, ไฟต่ำ, ไฟหรี่), ไฟท้าย, ไฟเบรก, ไฟถอยหลัง, ไฟตัดหมอกหน้า-หลัง และไฟเลี้ยวทั้งสองข้าง หากพบว่ามีหลอดใดไม่สว่าง สามารถซื้อเปลี่ยนได้ด้วยตัวเอง โดยตรวจสอบวิธีการเปลี่ยนจากคู่มือของรถแต่ละรุ่น หากเป็นหลอดไส้ สามารถซื้อตามร้านข้างนอกได้ในราคาหลอดละ 10-20 บาทเท่านั้น ส่วนไฟหน้ารถแบบฮาโลเจนมักมีราคาหลักร้อยจนถึงหลักพันต้นๆ

  3. เช็คลมยางและสภาพยาง
  4. ควรตรวจเช็คลมยางให้อยู่ในระดับมาตรฐานของรถแต่ละรุ่น โดยดูได้จากสติกเกอร์แนะนำแรงดันลมยางบริเวณเสาฝั่งผู้ขับ หากมีผู้โดยสารเต็มคันต้องเพิ่มแรงดันลมยางล้อหลังตามที่ระบุด้วยเช่นกัน นอกจากนั้น ต้องตรวจเช็คสภาพยางว่ามีรอยปริหรือแตกลายงาหรือไม่ หากรอยปริแตกเกิดขึ้นที่แก้มยางควรรีบเปลี่ยนยางโดยด่วนก่อนเดินทาง เพราะเสี่ยงต่อการระเบิดได้ง่าย รวมถึงควรมีดอกยางเหลือไม่ต่ำกว่า 3 มิลลิเมตร เพื่อช่วยในการรีดน้ำหากเกิดฝนตก

  5. เช็คช่วงล่าง
  6. การเช็คสภาพช่วงล่างแบบง่ายๆ สามารถทำได้โดยฟังเสียงผิดปกติจากช่วงล่างขณะขับผ่านทางขรุขระและหมุนพวงมาลัย ถ้าให้ดีควรปิดเครื่องเสียงเพื่อให้ฟังได้ชัดเจนขึ้น หากพบว่ามีเสียงกุกกักผิดปกติ ควรนำรถเข้าเช็คก่อนเพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลาย

    นอกจากนั้น ยังควรเช็คสภาพโช๊คอัพว่ายังทำงานดีอยู่หรือไม่ ด้วยการใช้น้ำหนักตัวกดไปที่มุมรถทั้ง 4 ข้าง จากนั้นให้ดูการยกตัวของรถ หากตัวรถยกขึ้นครั้งเดียวแล้วหยุด แสดงว่าโช๊คอัพยังทำงานดีอยู่ แต่หากมีอาการเด้งตามมาแสดงว่าโช๊คอัพเสื่อมแล้ว ควรเปลี่ยนก่อนเดินทางไกล เพราะโช๊คอัพเสื่อมจะทำให้ยางไม่สัมผัสกับพื้นถนนอย่างที่ควรจะเป็น

  7. เช็คเครื่องยนต์
  8. สำหรับผู้ที่ไม่มีความรู้ด้านเครื่องยนต์ ก็สามารถเช็คสภาพเครื่องยนต์ได้ง่ายๆ ซึ่งปัญหาเครื่องยนต์ที่มักพบได้บ่อย อย่างเช่น มีเสียงผิดปกติจากเครื่องยนต์, เร่งไม่ขึ้น, เครื่องยนต์สั่นขณะจอดติดไฟแดง, เกิดควันหรือไอเสียผิดปกติ, เกียร์กระตุกขณะเปลี่ยนเกียร์หรือขับขี่ ฯลฯ ซึ่งเหล่านี้ล้วนแต่เป็นอาการที่แสดงว่าเครื่องยนต์เริ่มมีปัญหา แต่หากนำรถเช็คระยะอยู่เสมอ ก็จะช่วยลดปัญหาเหล่านี้ลงได้ เนื่องจากช่างมักตรวจเจอปัญหาเหล่านี้และแจ้งให้ลูกค้าแก้ไขก่อนนำกลับไปใช้งาน

  9. เช็คระดับของเหลวต่างๆ
  10. ของเหลวต่างๆ ในห้องเครื่องยนต์ต้องอยู่ในระดับปกติและมีการเปลี่ยนถ่ายตามระยะ ประกอบด้วย น้ำมันเครื่อง, น้ำมันเบรก, น้ำมันเกียร์, น้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์ (ถ้ามี), น้ำหล่อเย็น ฯลฯ

  11. เช็คระบบเบรก
  12. หากมีเสียงเอี๊ยดดังเกิดขึ้นขณะเหยียบเบรก แสดงว่าผ้าเบรกใกล้หมดแล้ว ซึ่งระหว่างนี้จะยังคงสามารถใช้งานได้อย่างไม่มีปัญหา แต่เมื่อใช้นานเข้าจนเสียงเบรกดังขึ้นตลอดเวลาไม่ว่าจะเหยียบเบรกเบาหรือหนัก แสดงว่าผ้าเบรกใกล้หมดเต็มที ควรรีบเปลี่ยนให้เร็วที่สุดก่อนที่จานเบรกจะได้รับความเสียหาย ซึ่งอาจทำให้บานปลายจนต้องเปลี่ยนจานเบรกด้วย

  13. เช็คความพร้อมของตัวเอง
  14. เมื่อรถอยู่ในสภาพสมบูรณ์แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดก็คือความพร้อมของผู้ขับขี่ ไม่ว่าจะเป็นการพักผ่อนอย่างเพียงพอ, เมาไม่ขับ รวมถึงการเตรียมวางแผนเส้นทางอย่างรอบคอบ เพื่อหลีกเลี่ยงหรือเผชิญกับปัญหาการจราจรหนาแน่นได้อย่างดีที่สุด หากต้องการใช้สมาร์ทโฟนเพื่อการนำทาง ควรหาที่ยึดโทรศัพท์เพื่อความสะดวกในการใช้งาน และยังไม่ผิดกฎหมายด้วย

เครดิต www.sanook.com