รถเติมน้ำมัน 91 แต่อยากให้เครื่องแรงเติม 95 แบบนี้ก็ได้เหรอ!!?

เราต่างทราบกันดีว่า น้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมให้รถยนต์วิ่งได้ทุกวันนี้ที่มีขายตามสถานีบริการน้ำมันมี ค่าออกเทน แตกต่างกันไปไม่ว่าจะเป็น 91 หรือ 95 หรือสูตรต่างๆ ที่มีการผสมระหว่างเอทานอลจนออกมาเป็นน้ำมันอย่าง แก๊สโซฮอล์, E20, หรือ E85 แน่นอนว่าน้ำมันแต่ละชนิดย่อมให้การเผาไหม้ให้การจุดระเบิดของเครื่องยนต์ที่แตกต่างกันไป เเละรถยนต์ส่วนใหญ่ในท้องตลาดมีการระบุไว้ชัดเจนถึง สเป็คของน้ำมันที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์ของรถยนต์รุ่นนั้นๆ

แต่คนส่วนใหญ่มักคิดว่าน้ำมันอย่าง 95 คือ น้ำมันชนิดที่ให้การเผาไหม้ของเครื่องยนต์ได้ดี เพราะมีราคาสูงเป็นน้ำมันที่ไม่มีส่วนผสมของเอทิลแอลกอฮอล์หรือเอทานอลน่าจะให้ ค่าออกเทน ที่สูง เมื่อใช้น้ำมันที่ดี ก็น่าจะส่งผลดีต่อรถที่ใช้ ทั้งหมดนี้เป็นความคิดที่ผิด!! เพราะคุณได้มองข้ามสิ่งที่รถของคุณเองได้ระบุไว้ชัดเจนว่าเครื่องยนต์ของรถเหมาะกับน้ำมันที่มี ค่าออกเทน แบบใด ต้องบอกก่อนว่า ค่าออกเทน ของน้ำมัน คือค่าที่บ่งบอกถึงความสามารถในการต้านทานการจุดระเบิดภายในเครื่องยนต์ ไม่ได้หมายถึงเติมเเล้วจะทำให้รถแรงขึ้น วิ่งเร็วขึ้น

น้ำมันที่มี ค่าออกเทน95 คือน้ำมันที่ทนต่อการจุดระเบิดได้ดีกว่า น้ำมันที่มี ค่าออกเทน 91 หากรถของคุณระบุไว้ว่าควรเติมน้ำมันที่มี ค่าออกเทน 95 แต่คุณกลับอยากประหยัดเงินเติมน้ำมันที่มี ค่าออกเทน 91 ผลลัพธ์ที่ตามมาคือเครื่องยนต์จะเกิดการจุดระเบิดก่อนทำให้ลูกสูบทำงานได้อย่างไม่มีประสิทธิภาพ เครื่องยนต์สะดุดขณะขับขี่เวลาเครื่องเดินเบาไม่ราบเรียบ ในทางกลับกัน หากเครื่องยนต์ของรถคุณระบุให้เติมน้ำมันที่มี ค่าออกเทน 91 แต่คุณกลับอยากเติมน้ำมันที่มี ค่าออกเทน 95 เพื่ออยากให้รถแรงขึ้น ผลลัพธ์คือไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับรถของคุณ เเละไม่ได้ทำให้รถแรงขึ้นด้วย มีแต่จะทำให้คุณเสียเงินค่าเติมน้ำมันเพิ่มขึ้นเปล่าๆ

สรุปในภาษาที่เข้าใจง่ายๆ คือ การเติมน้ำมันที่มี ค่าออกเทนไม่ตรงกับเครื่องยนต์ หากเติมค่าออกเทนให้เกินกว่าที่เครื่องยนต์ต้องการ เครื่องยนต์ไม่เสียหายแต่ไม่มีประโยชน์ เสียเงินฟรี เปลืองเงิน และถ้าเติมน้ำมันทีมี ค่าออกเทน ต่ำกว่าที่เครื่องยนต์ระบุ เครื่องสะดุดได้ยินเสียงเขกจากการชิงจุดระเบิด ใช้งานทั่วไปได้ แต่สมรรถนะของเครื่องยนต์จะด้อยกว่ามาตรฐาน

เครดิต www.mthai.com