4 ลักษณะยางรถ ที่ควรรีบเปลี่ยนด่วน!!
ที่ผ่านมาเราเข้าใจกันว่า ยางรถยนต์ มีอายุการใช้งานเฉลี่ย 2-3ปี ในกรณีทีใช้งานมาก หรือ 4-5ปีหากใช้งานน้อย คิดเป็นตัวเลขอยู่ระหว่าง 40,000 – 50,000 กม. ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้งานของแต่ละคน แต่ถ้าหาก ยางรถยนต์ เริ่มเสื่อมสภาพ ยางในลักษณะใดบ้างที่ถึงคราวต้องปลดระวางการใช้งาน หากพบเห็นต้องรีบเปลี่ยนด่วน อย่าเสียดายยางหรือทรัพย์สิน เพราะอาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของอุบัติเหตุที่คุณไม่คาดคิดก็ได้
- เนื้อยางแข็ง
ปกติเเล้วยางรถยนต์มีความนุ่ม ยืดหยุ่น แต่ถ้าใช้งานไปนานๆ หากลองเอาเล็บจิกลงไปในหน้ายางเเล้วรู้สึกเเข็ง ไม่มีรอยเล็บปรากฏเเสดงว่ายางเริ่มแข็ง หากมีอาการเริ่มแตกลายงาให้เห็นด้วยเเล้ว ยิ่งมั่นใจได้เลยว่า ยางเส้นนั้นไม่ควรใช้งานอีกต่อไป เพราะประสิทธิภาพการเกาะถนนจะลดน้อยลงรีบเปลี่ยนก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินแก้
- ดอกยางเริ่มโล้น
ดูได้ที่สะพานยางว่าดอกยางจะในระดับใด หากอยู่ระดับเดียวกัันกับสะพานยางนั่นเเสดงว่าดอกยางของรถคุณใกล้หมดเเล้ว วิธีเช็คง่ายๆ ปกติความลึกของสะพานยางรถยนต์ใหม่วัดโดยหน่วยมิลลิเมตร จะได้ประมาณ 5-6 มิลลิเมตร หากวัดโดยใช้เหรียญ 1 บาท เหรียญจะจมลงถึงประมาณกลางเจดีย์ หากลดหลั่นลงมากว่านั่นก็เริ่มสังเกตได้เเล้วว่าดอกยางรถเริ่มโล้นเเล้ว
- ยางบวม
วิธีนี้สามารถมองได้ดด้วยตาเปล่าในเคสนี้บริเวณแก้มยาง หรือหน้ายางจะบวมออกมาเป็นลูกบอล อันเนื่องมาจากยางถูกกระเเทกอย่างรุนแรงขณะขับ เช่น คนขับรถตกหลุม อาการแบบนี้ทำให้โครงสร้างของยางเสีย นอกจากนี้การเติมลมยางมากเกินไปหรือน้อยเกินไปก็ส่งผลให้เกิดการยางบวมได้เช่นเดียวกัน อาการยางบวมคือสาเหตุเบื้องต้นที่ทำให้ยางระเบิด หากพบเห็นว่ายางปูดบวมออกมาเคสนี้ต้องรีบเปลี่ยนทันที
- แผลฉีกขาดที่ยาง
ปกติเเล้วหากยางเสียหายจากการโดยนตะปูเจาะหรือเหยียบของเเหลมมีคมคุณยังสามารถปะยางเเละใช้งานยางต่อไปได้ แต่เมื่อใดที่ยางมีรอยแผลฉีกขาดไม่ว่าจะเป็นบริเวณหน้ายางหรือแก้มยยาง จะขนาดความยาวเท่าใดก็ตามแต่ ไม่วางนำยางปะอย่างเด็ดขาด เพราะแผลฉีกขาดต่างจากแผลโดยเจาะเป็นรู เเผลฉีกขาดลักษณะนี้จะทำให้โครงสร้างของยางเสียหายไปเเล้ว หากยังปะเเละใช้งานต่อ โอกาสที่ยางจะระเบิดขณะขับขี่มีสูงมาก
ทั้ง 4 เคสที่เรายกตัวอย่างมา อยากให้คนใช้รถลองสังเกตยางรถยนต์ของตนเองบ่อยๆ หากเข้าข่ายที่เรากล่าวมาควรรีบเปลี่ยนแต่เนิ่นๆ ก่อนที่ความเสียหายจากจุดเล็กๆ หากปล่อยปะละเลยอาจสร้างความเสียหายให้แก่ทรัพย์สิน หรือชีิวิตได้
เครดิต www.mthai.com