เมื่อคันเร่งค้าง ต้องทำอย่างไร?

เมื่อคันเร่งค้างต้องทำอย่างไร?
ปัจจุบันรถยนต์ที่เป็นเกียร์อัตโนมัติเริ่มแพร่หลายจนเรียกว่า แทบจะหารถเกียร์ธรรมดาหรือเกียร์กระปุกไม่ได้แล้วในรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ซึ่งในรถเกียร์ธรรมดานั้น เมื่อเกิดอาการคันเร่งค้างก็เพียงแค่เหยียบคลัตช์และปลดเกียร์ว่างเท่านั้น พร้อมกับชะลอความเร็วด้วยการเบรก แต่ถ้าเป็นรถเกียร์อัตโนมัตินั้นหากเราขับรถอยู่ดีๆ แล้วเกิดอาการคันเร่งค้าง แม้จะถอนเท้าออกจากคันเร่งแล้วก็ยังเร่งต่อไปจะทำอย่างไร? บทความนี้มีคำตอบง่ายๆ ครับ

สาเหตุของคันเร่งค้าง

ก่อนอื่นมาดูกันว่า สาเหตุของคันเร่งค้างว่าเกิดจากอะไรได้บ้าง

  1. ความผิดพลาดจากระบบของเครื่องยนต์ เช่น รถยนต์รุ่นเก่าๆ มักใช้คันเร่งสายหรือใช้ลวดสลิงเป็นตัวดึงลิ้นเร่งที่เครื่องยนต์ให้เปิด-ปิดการเร่งนั่นเอง ซึ่งหากใช้งานไปนานๆ อาจเกิดความฝืดหรือติดขัด ไม่สามารถคืนกลับตำแหน่งเดิมได้ก็คือ เร่งแล้วค้างนั้นเอง ในจุดนี้ควรตรวจเช็คสภาพของสายคันเร่งให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ และหมั่นใส่สารหล่อลื่นให้ใช้งานได้ปกติ
    ส่วนรถยนต์รุ่นใหม่ๆ ที่ใช้ระบบคันเร่งไฟฟ้า นับว่ามีโอกาสเกิดการผิดพลาดได้น้อยมาก แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าระบบคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมคันเร่งอาจเกิดการลัดวงจร ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม ทั้งความชื้น ความร้อน การชำรุดของสายไฟในชุดควบคุมคันเร่ง จากหนูกัด ฯลฯ เป็นต้น
  2. ความผิดพลาดจากมนุษย์หรือผู้ขับขี่เอง เช่น การใส่พรมเช็ดเท้าหลายชั้นมากเกินไป เมื่อใช้งานไปนานๆ อาจมีการขยับเลื่อนตัวไปด้านหน้ามากขึ้น จนเกิดเข้าไปติดขัดกับแป้นคันเร่งได้
    อีกสาเหตุหนึ่งที่เคยมีกระแสดราม่าว่า ใส่รองเท้าส้นสูง แล้วขับรถ หรือ ถอดรองเท้าในขณะขับรถ ก็อาจเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้เข้าไปติดขัดกับคันเร่งได้

ดังนั้นก่อนจะขับรถควรตรวจดูลักษณะพื้นหรือพรมในบริเวณแป้นคันเร่ง, เบรก หรือใต้เบาะคนขับว่ามีสิ่งของใดอยู่บ้าง ควรนำออกให้หมด

วิธีปฏิบัติเมื่อคันเร่งค้าง (สำหรับรถเกียร์อัตโนมัติ)

มีวิธีปฏิบัติง่ายๆ ตามขั้นตอนดังนี้

  1. ตั้งสติ ใจเย็นๆ และมองดูทางข้างหน้าไกลๆ ว่ามีช่องหรือเลนที่โล่งๆ หรือไม่ ให้พยายามควบคุมรถให้ไปในถนนที่โล่งเอาไว้ก่อน และมองรอบตัวรถว่ามีสิ่งกีดขวางอะไร
  2. ปลดเกียร์ว่างไปที่ตำแหน่ง “N” เพื่อตัดการส่งกำลังไปที่ล้อ และให้ความเร็วลดลง
  3. เบรกหรือชะลอความเร็วชิดขอบทางอย่างปลอดภัย

ข้อห้ามไม่แนะนำให้ปฏิบัติคือ

  1. ห้ามดับเครื่องยนต์เด็ดขาด เพราะเมื่อเครื่องยนต์ดับระบบช่วยผ่อนแรงหรือพวงมาลัยเพาเวอร์จะไม่ทำงาน ทำให้มีน้ำหนักมากและควบคุมทิศทางรถยากขึ้น
  2. ขอเน้นอีกครั้งว่า “ห้ามดับเครื่องยนต์” เพราะระบบเบรกจำเป็นต้องใช้แรงดูดสูญญากาศจากท่อไอดีเครื่องยนต์ โดยการดูดอากาศจากหม้อลมเบรก เพื่อช่วยผ่อนแรงเมื่อเบรก หากไม่มีลมดูดนี้ เบรกจะแข็งสู้เท้าและเบรกไม่อยู่ ส่งผลให้เกิดอันตรายมากขึ้นจากการที่ไม่สามารถควบคุมรถได้

ดังนั้น หากใครที่เจอเหตุการณ์คันเร่งค้าง ก็สามารถปฏิบัติได้ง่ายๆ ไม่ต้องตกใจนะครับ “ตั้งสติ-ปลดเกียร์ว่าง-ชะลอความเร็ว” และที่สำคัญ “ขับขี่อย่างปลอดภัย และไม่ประมาทด้วยนะครับ”

เครดิต www.checkraka.com