เปลี่ยนหลอดไฟหน้ารถ.. ง่ายนิดเดียว

ไฟหน้ารถยนต์นับเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยขณะขับรถในเวลากลางคืน แต่ถ้าวันหนึ่งไฟหน้าดับ เปิดเท่าไหร่ก็ไม่ติด ชีวิตคุณอาจเปลี่ยนทันที!

สังเกตอย่างไรว่าหลอดไฟจะหมดอายุขัย?

ก่อนอื่นต้องแบ่งประเภทของหลอดออกเป็น 3 แบบนั่นคือ

  1. หลอดฮาโลเจน หลอดที่ใช้ขดลวดทังสเตนต้านทานสูงเพื่อรับกระแสไฟเข้าไปเกิดความร้อนสะสมและเปล่งแสงสว่างออกมา หลอดชนิดนี้จะไม่มีอาการเตือนก่อนไส้ขาด วันดีคืนดีก็เปิดไม่ติด แม้จะเพิ่งเปิดมาก่อนหน้าไม่กี่นาที ดังนั้น ให้ดูจากอายุการใช้งาน ส่วนมากหลอดมักมีอายุหราวๆ 2 ปีครึ่ง – 3 ปี ราคาหลอดละ 150 – 500 ขึ้นไป แล้วแต่ยี่ห้อและรุ่นของหลอดไฟ ส่วนมากนิยมเปลี่ยนทั้งคู่ เพื่อให้มีอายุใช้งานเท่าๆ กัน ส่วนราคาคู่ละประมาณ 200 ขึ้นไป


    ภาพจาก www.usa.philips.com


    ภาพจาก www.osram.com

  2. หลอดซีนอน HID – HIGH INTENSITY DISCHARGE (เน้นเฉพาะที่ติดตั้งจากโรงงานแท้ๆ) ภายในบรรจุก๊าซซีนอนเพื่อเปล่งแสง อาการเริ่มต้นก่อนจะเสีย คือ เมื่อเปิดครั้งแรก สีของไฟจะเพี้ยนๆ จากสีเดิมหรือสีความเข้มปกติเมื่อเปิดใช้งาน เช่น ไฟมีความเข้ม 4300K สีจะขาวอมเหลืองนิดๆ ในช่วงที่เปิดใหม่ๆ จะมีสีเพี้ยนไปจากนี้อาจเป็นสีเหลืองหรือสีขาวอย่างเดียว ก่อนที่จะกลายเป็นสีขาวอมเหลือง เป็นต้น นั่นแสดงว่าหลอดไฟเริ่มเสื่อม เตรียมซื้อเปลี่ยนใหม่ได้เลย ส่วนราคาของหลอดซีนอนนั้น หากเป็นยี่ห้อแท้ๆ จากโรงงานหรือจากผู้ผลิตรายใหญ่ๆ เช่น Philips, Osram, Bosch เป็นต้น เริ่มต้นคู่ละประมาณ 3,000 บาทขึ้นไป แต่ถ้าขณะเปิดสีของไฟปกติและใช้งานได้สักพักก็ดับ อาจเป็นบัลลาดเสื่อมสภาพ


    ภาพจาก www.usa.philips.com


    ภาพจาก www.osram.com

  3. หลอด LED นับว่าเป็นของใหม่ที่เริ่มเข้ามาแทนที่หลอดซีนอนมากขึ้นเรื่อยๆ ในรถรุ่นใหม่ หลอด LED มีลักษณะเม็ดเล็กๆ ทรงสี่เหลี่ยมเมื่อจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าไปจะเปล่งแสงออกมา นอกจากให้ความสว่างแล้ว ยังประหยัดและมีความร้อนน้อยกว่าหลอดแบบอื่นๆ ส่วนอาการบ่งบอกว่าเริ่มหมดอายุนั่นคือ การกะพริบติดๆ ดับๆ หรืออาจเปิดครั้งแรกไม่ติดต้องปิดและเปิดใหม่จึงติด เป็นต้น และราคาค่อนข้างสูงหากเป็นแบรนด์ใหญ่อยู่ที่ราวๆ 7,000 บาท/คู่ ขึ้นไป


    ภาพจาก mwpdx.us


    ภาพจาก www.reddit.com

    เทคโนโลยีไฟหน้าปัจจุบันมีถึงระดับไฟแบบ Laser ในรถยุโรปบางรุ่น แต่ก็ยังไม่แพร่หลายมากนักในประเทศไทยจึงขอเขียนเฉพาะที่มีในท้องตลาดหลักๆ เท่านั้นครับ


    ภาพจาก www.popularmechanics.com


    ภาพจาก www.ft86club.com

    ถนนในประเทศไทยอาจมีความสว่างไม่เพียงพอและในบางเส้นทาง “ไม่มี” หรือแม้แต่ถนนสายหลักในกรุงเทพฯ ไฟส่องทางมักเสียอยู่บ่อยครั้ง ฉะนั้นผู้ขับขี่ต้องเพิ่งไฟหน้ารถตนเองเป็นหลัก และถ้าหากหลอดเสียไม่สะดวกในการเข้ารับบริการที่ศูนย์ฯ รถยนต์ได้ เราเองสามารถเปลี่ยนหลอดไฟหน้าได้เองง่ายๆ มาดู

ขั้นตอนการเปลี่ยนหลอดไฟหน้า

  1. จัดการสิ่งกีดขวางที่อยู่บริเวณด้านหลังโคมไฟที่จะเปลี่ยน เพื่อความสะดวกในการถอดฝาครอบกันฝุ่นออกมาครับ ซึ่งฝาครอบกันฝุ่นของรถยนต์แต่รุ่นอาจไม่เหมือนกันบางรุ่นเป็นพลาสติก บางรุ่นเป็นยางหุ้มครับ ส่วนในตัวอย่างนี้เป็นพลาสติก และสิ่งกีดขวางก็คือ ฝากล่องฟิวส์นั่นเอง

    ถอดฝากล่องฟิวส์ออกให้มีที่โล่งๆ เพื่อถอดฝาครอบง่ายขึ้น


    หมุนฝาครอบไปทวนเข็มนาฬิกา บางรุ่นอาจกำหนดลูกศรเอาไว้ให้

  2. เปิดฝาโดยการบิดฝั่งตรงข้ามกับลูกศร (บางรุ่นอาจมีระบุว่าให้หมุนไปทิศทางทางใดเพื่อเปิด-ปิด แต่โดยหลักการทั่วไปนั้น เปิดคล้ายๆ กับการเปิด-ปิดก๊อกน้ำครับ


    ถอดปลั๊กขั้วหลอดไฟตามทิศทางที่ลูกศรกำหนด


    ที่ด้านหลังของขั้วไฟตามตัวอย่างในบทความนี้จะมีบอกไว้

  3. เมื่อเปิดออกมาจะเห็นขั้วหลอดให้ค่อยๆ ถอดออกมาตามทิศทางที่ลูกศรบอก หรือหากเป็นหลอดบางรุ่น อาจเป็นปลั๊กสี่เหลี่ยมให้ค่อยๆ ดึงออกได้เลย


    หลังจากดึงปลั้กขั่วไฟออกแล้วก็เริ่มถอดหลอดได้

  4. หลังจากนั้นจะเห็นตัวหลอด ให้ปลอดลวดเกี่ยวล็อคขั่วหลอดออกทั้ง 2 ฝั่ง เท่านี้ก็สามารถถอดหลอดออกมาได้แล้ว


    ปลดเหล็กล็อคหลอดออกทั้ง 2 ฝั่งก่อน

    ถอดหลอดเก่าที่เสียแล้วออกมา

    หน้าตาของลวดล็อคหลอดไฟ

  5. นำหลอดอันใหม่มาใส่แทนที่ โดยระวังห้ามจับบริเวณหลอดแก้วเด็ดขาด เพราะจะทำให้อายุการใช้งานสั้นลงได้ ให้จับที่ขั้วเท่านั้น และใส่กลับเข้าไปในช่องหลอดไฟ โดยให้เขี้ยวที่ขั้วหลอดตรงกับฐานของโคมไฟเพื่อให้หลอดเข้าที่แนบสนิทพอดี ระวังไม่ให้ปีนร่องหรือเผยอ หลังจากนั้นก็ย้อนขั้นตอนการถอดเป็นอันเสร็จสิ้น


    ใส่หลอดอันใหม่แทนที่ ระวังอย่าจับตรงหลอดแก้วนะครับ


    ใส่หลอดแล้วล็อคลวด และใส่ขั้วหลอดกลับเหมือนเดิม

  6. ขั้นตอนสุดท้าย ลองเปิดดูไฟหน้า เช็คว่าติดปกติหรือไม่ เป็นอันเรียบร้อยครับ

    การเปลี่ยนหลอดไฟหน้ารถยนต์นั้นไม่ยาก เพียงศึกษาเพิ่มเติมเล็กน้อย ก็จะช่วยประหยัดเวลา และค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปที่ศูนย์หรืออู่รถ รวมถึงสามารถแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ ในกรณีที่หลอดขาดระหว่างการเดินทางต่างจังหวัดหรือช่วงกลางคืนที่ไม่สามารถนำรถเข้ารับบริการได้สะดวก ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการเดินทางได้ครับ

เครดิต www.checkraka.com