ดื่มแอลกอฮอล์แค่ไหน ไม่เกินกฎหมายกำหนด?

ขึ้นชื่อว่าแอลกอฮอล์นั้น ไม่ว่าจะดื่มเยอะดื่มน้อยขนาดไหน ก็ไม่ควรขับรถเด็ดขาด เพราะจะทำให้ความสามารถในการขับขี่ลดลงจนเป็นอันตรายต่อตัวเองและคนรอบข้างได้อย่างคาดไม่ถึง

แต่อย่างไรก็ดี ตามกฎหมายได้ระบุปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดไว้ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ หากเกินกว่านั้นจะถือว่าเมาแล้วขับ มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับ 5,000 – 20,000 บาท หรือทั้งจำและปรับ รวมถึงพักใช้ใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือเพิกถอนใบอนุญาตเลยทีเดียว

แต่สำหรับใครที่เป็นพวกปฏิเสธเพื่อนไม่ได้ ขอจิบสักนิดก็ยังดี แบบนี้ลองมาดูว่าดื่มแค่ไหน ถึงจะไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ตามกฎหมาย

  1. สุรา ประมาณ 90 ซีซี ไม่ผสม หรือผสมในปริมาณ 1 ฝาต่อแก้ว จำนวนไม่เกิน 6 แก้ว หรือ
  2. เบียร์ ประมาณ 2 กระป๋อง หรือ 2 ขวดเล็ก หรือ
  3. เบียร์ไลท์ ประมาณ 4 ประป๋อง หรือ 4 ขวดเล็ก หรือ
  4. ไวน์ ปริมาณต่อแก้ว 80 ซีซี ไม่เกิน 2 แก้ว

ซึ่งปริมาณแอลกอฮอล์เหล่านี้ หากขับรถภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากดื่ม ปริมาณแอลกอฮอล์จะไม่อยู่ในระดับที่เกินกฎหมายกำหนด แต่ทางที่ดีควรหยุดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อยประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงก่อนขับรถ พร้อมทั้งดื่มน้ำในปริมาณมากๆ เพื่อให้แอลกอฮอล์ถูกขับถ่ายมาทางปัสสาวะ อีกทั้งไม่ควรดื่มเครื่องดื่มหลายชนิดผสมกัน เพราะอาจทำให้เกิดความสับสนจนทำให้ปริมาณแอลกอฮอล์เกินกฎหมายกำหนดได้

แต่ถ้ามีทางเลือกอื่น เช่น กลับแท็กซี่, ให้เพื่อน (ที่ไม่ดื่ม) ขับรถแทน ฯลฯ ก็จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้มากโขครับ

เครดิต www.sanook.com