ซึ่ง Nissan ใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อคิดค้น และออกแบบ GT-R R35 เพื่อมาตีตลาดรถสปอร์ตฝั่งยุโรป และก็สามารถทำได้จริง พร้อมลบคำสบประมาทจนได้ฉายาว่า Super Car Killer  อย่างที่เคยนำเสนอไปใน เปิดตำนาน Nissan Skyline แล้ว ก็ได้ทิ้งท้ายเอาไว้ว่า GT-R R35 ทำไมถึงไม่ใช้ชื่อ Nissan Skyline GT-R R35 งานนี้มาขยายความกันต่อเลยดีกว่า ว่าทำไม !?

หลังจากค่าย Nissan ได้ออก Nissan Skyline GT-R R34 จนได้รับความนิยมอย่างล้มหลาม และถือได้ว่าเป็นรถที่สมบูรณ์แบบที่สุดอีกหนึ่งรุ่นบนโลกใบนี้ แต่หลังจากนั้นทางค่าย Nissan ได้เปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายใหม่ไปเป็นตลาดรถในกลุ่มผู้บริหาร และได้เปลี่ยนรหัสนำหน้ารถใหม่จาก R เป็น V มีชื่อรุ่นว่า Nissan Skyline V35, V36 และ HV37  ทว่าการตอบรับไม่เป็นไปตามที่คาด จึงทำให้ยอดขายของเจ้า Nissan Skyline รุ่นดังกล่าวตกลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้

งานนี้ Nissan ต้องหาทางคิดและวิเคราะห์ เพื่อที่จะทวงความยิ่งใหญ่ของตลาดรถสปอร์ตคูเป้กลับคืนมาให้ได้ ทำให้ Nissan GT-R ถูกออกแบบขึ้นมาใหม่ และเป็นไปตามที่หวัง เพราะความโดดเด่นเตะตาชาวโลกตั้งแต่มีมีภาพหลุดออกมา กระทั้งที่เปิดผ้าคลุมจริงๆ ไม่เพียงแค่รถสปอร์ตที่ได้รับการออกแบบในยุโรปเท่านั้น แต่ยังสะท้อนวัฒนธรรมญี่ปุ่น โดยไม่ยึดติดกับภาพลักษณ์เดิมๆ เหลือเพียงแค่ไฟท้ายทรงกลม อันเป็นเอกลักษณ์ของ Skyline GT-R เท่านั้น

รูปทรงในการออกแบบมีความเหลี่ยมสันมากขึ้น ทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม ภายนอกมีลักษณะคล้ายๆ ตัว Giant Robots ของการ์ตูนยอดฮิตอย่าง Gundam ทำให้รูปทรงของ GT-R R35 ดูใหญ่ กว่าที่เป็นมา ซึ่งอีกจุดหนี่งที่ทำให้ GT-R R35 ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในตลาดอเมริกาในฐานะ Import Car ยอดนิยม และมียอดขายสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ถ้าไม่นับญี่ปุ่นประเทศผู้ให้กำเนิดเจ้า GT-R R35 นี้

นอกจากเรื่องของบอดี้ที่ดูเหมือนในการ์ตูนยอดฮิตอย่าง Gundam แล้ว เรื่องของพละกำลังของ GT-R R35 ก็ถูกปฎิวัติอีกครั้ง เมื่อเครื่องรหัส RB ไม่ได้ถูกพัฒนาเพื่ิอนำมาใช้ แต่เป็นเครื่องยนต์ทรงพลัง รหัส VR38DETT ขนาด 3,800 ซีซี. ทวินเทอร์โบ 485 แรงม้า ซึ่งเครื่องตัวนี้เป็นเครื่อง V6 ที่ทางค่าย Nissan ผิถีผิถันในการออกแบบ และผลิตเป็นอย่างมาก เริ่มตั้งแต่ตั้งแผนก Takumi หรือ Master Craftman ขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่อประกอบเครื่องของเจ้า GT-R R35  ที่ออกสู่สายตาประชาชน

สำหรับแผนก Takumi มีช่างประจำการอยู่ 5 คน ด้วยกัน ซึ่งแต่ละคนจะทำหน้าที่ประกอบเครื่องยนต์ โดยช่างหนึ่งคนจะประกอบเครื่องหนึ่งเครื่องหรือที่เรียกว่า One Man One Engine โดยหัวหน้าช่างมีชื่อว่า Takumi Kurosawa ถือว่าเป็นช่างรุ่นเก๋าที่อยู่กับค่าย Nissan มายาวนานกว่า 40 ปี ทำให้เครื่องยนต์ทุกเครื่องของที่ออกมาจากแผนก Takumi เป็นเครื่องที่สมบูรณ์และมีคุณภาพมากที่สุด โดยเครื่องที่ผ่านการประกอบจากแผนกนี้มีแรงตั้งแต่ 485 แรงม้า ในรุ่นสแตนดาร์ด และขยับเป็น 609 แรงม้า ในรุ่น Nismo ซึ่งเครื่องยนต์ ของ GT-R R35 สามารถทำเวลาได้ 7:38 นาที ในสนาม Nürburgring Nordschleife ที่มีความยาว 22.8 Km. เป็นอีกหนึ่งสนามที่มีตำนานอันเรื่องชื่อ

นอกจากนี้ในส่วนของหน้าจอมัลติฟังค์ชั่น หรือหน้าจอแสดงผลทาง Nissan ได้จ้างให้บริษัท Polyphony Digital ผู้ที่สร้างเกมส์รถแข่งระดับตำนานอย่าง Gran Turismo มาร่วมวิจัยพัฒนาและออกแบบ ในส่วนของหน้าจอมัลติฟังค์ชั่นนี้สามารถบอกค่าการเปลี่ยนแปลงของเครื่องยนต์ได้ ไม่ว่าจะเป็น Oil Temp, Oil Press, Coolant Temp, Speed เป็นต้น เป็นอีกส่วนหนึ่งในการใส่ใจรายละเอียดที่มากกว่า

ไม่แปลกใจเลยที่การกลับมาของ Nissan GT-R R35 จะได้รับการตอบรับจากทั่วโลก โดยเฉพาะตลาดที่ประเทศอเมริกา ที่มียอดขายเป็นอันดับที่ 2 รองจากประเทศญี่ปุ่น ในเรื่องของราคาที่ถูกกว่าบรรดา Super Car ทางฝั่งยุโรป แต่ Performance ของรถเทียบเท่าหรืออาจดีกว่าบางรุ่น ทำให้ Nissan GTR-R35 สามารถแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด กับรถ Super Car แบรนด์ดังๆ ฝั่งยุโรปได้อย่างสบาย ลบคำสบประมาทที่ว่ารถสปอร์ตจากญี่ปุ่นไม่พรีเมี่ยม สมกับฉายา Super Car Killer

 

 

 

เครดิต www.boxzaracing.com