อาการรถสตาร์ทไม่ติด มีอยู่มากมายหลายสาเหตุ แต่หากเรารู้วิธีตรวจสอบ จับจุดได้ถูก บางอาการก็อาจแก้ไขได้ด้วยตัวเอง


ในบทความนี้ ผมได้รวบรวมสาเหตุหลัก ๆ ที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติดมาฝากทุกท่านครับ จะมีอะไรบ้างนั้น มาดูกันครับ

ไดชาร์จเสื่อม : อาการจะคล้ายกับแบตเตอรี่เสื่อม แต่จะต่างตรงที่คุณอาจพบปัญหาเครื่องยนต์ดับไปดื้อ ๆ ขณะกำลังขับขี่ ซึ่งสามารถเช็กอาการไดชาร์จเสื่อมด้วยตัวเองได้โดยการถอดขั้วแบตเตอรี่ออกหนึ่งข้าง หลังจากที่สตาร์ทรถทิ้งไว้ซักพัก หากรถดับทันที หรือกระตุกมีอาการไฟตกแสดงว่าไดชาร์จรถยนต์ของคุณเสื่อมแล้วอย่างแน่นอน

ไดสตาร์ทเสีย : หากสตาร์ทรถไม่ติด ให้สังเกตแผงหน้าปัดไฟ ซึ่งถ้าไฟแบตเตอรี่ขึ้นปกติ แต่สตาร์ทรถแล้วมีเสียงแชะ ๆ หรือสตาร์ทรถไม่ติดเลย มีความเป็นไปได้ว่าไดสตาร์ทน่าจะมีปัญหา

น้ำมันหมด : เป็นอาการที่พบได้บ่อย หากไม่ทันสังเกตขีดน้ำมัน หรือเคสที่ชอบรอให้ขึ้นขีดแดงก่อนแล้วค่อยเติม อาจส่งผลให้มีอาการสตาร์ทไม่ติด ทางที่ดีไม่ควรปล่อยให้น้ำมันเกลี้ยงถังอยู่บ่อย ๆ

ระบบไฟฟ้าผิดปกติ : ปัญหาการสตาร์ทไม่ติดที่เกิดขึ้นจากระบบไฟฟ้ามีหลายสาเหตุ อาจโดนหนูกัดสายไฟขาด หรือลืมปิดไฟในรถ สังเกตได้จากหากบิดกุญแจแล้วไฟที่แผงหน้าปัดไม่ขึ้นโชว์

ปั๊มติ๊กเสีย : สาเหตุสุดท้ายที่ทำให้รถสตาร์ทไม่ติด เมื่อปั๊มติ๊กเสียหรือเสื่อม จะทำให้ไม่สามารถจุดระเบิดเครื่องยนต์ได้ สาเหตุที่ทำให้ปั๊มติ๊กเสียหรือเสื่อมนั้น ส่วนใหญ่เกิดจากการปล่อยให้ไฟเตือนน้ำมันโชว์อยู่เป็นประจำ เพราะระดับน้ำมันเหลือน้อยเกินไป ทำให้ปั๊มติ๊กไม่สามารถดูดน้ำมันขึ้นมาได้ จึงดูดเอาอากาศเข้ามาแทน จนปั๊มเชื้อเพลิงเสียหายในที่สุด

ปัญหารถสตาร์ตไม่ติดสามารถหลีกเลี่ยงได้ด้วยการดูแลบำรุงรักษารถยนต์อย่างเหมาะสมอยู่เป็นประจำ อย่างไรก็ตามหากพบเจอปัญหาข้างต้น ควรนำรถเข้าศูนย์บริการ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญช่วยแก้ปัญหาให้ตรงจุด

 

 

ที่มา : Toyota Thailand

เครดิต www.autospinn.com

 

แนะนำฝาสูบ ดีแม็ก 4JK1/ 4JJ1 ใหม่ GZL เป็นยังไงยังไง?