เปิดตัวแล้วสำหรับ Nissan Z NISMO ปี 2024 มาพร้อมขุมพลัง 420 แรงม้า ด้วยแอโรไดนามิคที่ดียิ่งขึ้น แชสซีส์ใหม่แข็งแกร่งขึ้น พร้อมแล้วที่จะลงสู่สนามแข่ง

Nissan Z NISMO 2024 โฉมใหม่นี้.. ถูกกันใจมั้ย?

การเปิดตัวรถยนต์ Nissan Z NISMO 2024 กลายเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นไม่น้อย ไม่ว่าจะภายในส่วนของบริษัทเอง หรือในตลาดก็ตาม ซึ่งหากใครไม่รู้จัก NISMO นั้นย่อมาจาก Nissan Motorsports เป็นแผนกที่รับผิดชอบประเภทรถแข่งสมรรถนะสูงบางรุ่นในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แน่นอนว่ามีหลายคนคาดหวังว่าโฉมใหม่นี้จะได้เครื่องยนต์ของ GT-R มาใส่ในรุ่นนี้ แต่.. คุณได้ผิดหวังเป็นที่แน่นอนแล้ว

Automatic Transmission

Nissan Z NISMO ปี 2024 มีเฉพาะเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดเท่านั้น ถือเป็นอีกหนึ่งความผิดหวังสำหรับแฟนๆ Z Sport แต่ทาง Paul Hawson ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนผลิตภัณฑ์ชี้แจงว่า เขาได้ทำการวิจัยกลุ่มลูกค้าของเขามาแล้วเป็นอย่างดีก่อนการพัฒนารถรุ่นนี้ ซึ่งลูกค้าคาดหวังในเรื่องของเวลาต่อรอบที่เร็วขึ้น ซึ่งเกียร์อัตโนมัติสมัยใหม่จะสามารถเปลี่ยนได้เร็วกว่าเกียร์ธรรมดา และที่สำคัญเกียร์อัตโนมัติในรุ่นนี้ได้ปรับปรุงชุดคลัตช์ด้วยแผ่นเสริมที่สามารถช่วยให้เปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็วขึ้น นอกจากนี้ในโหมดการขับขี่แบบ Sport+ พัฒนาให้ดีมากยิ่งขึ้นเหมาะกับสนามแข่ง จนคุณแทบจะลืม Paddle Shift ไปเลย

ในส่วนของเครื่องยนต์มีการปรับปรุงเล็กน้อย โดยใช้เครื่องยนต์ V-6 เทอร์โบคู่ 3.0 ลิตร ให้พลังแรงม้าเพิ่มขึ้น 20 แรงม้า และแรงบิดเพิ่มขึ้น 34 ปอนด์-ฟุต โดยพละกำลังที่เพิ่มขึ้นมาจากเทอร์โบบูสต์ที่เพิ่มขึ้น และความเร็วของเทอร์ไบน์ (เพิ่มขึ้นอีก 5,000 รอบต่อนาทีสำหรับเทอร์ไบน์ ซึ่งจะเห็นได้บนมาตรวัดบนแผงหน้าปัด) มาพร้อมกับระบบตั้งเวลาจุดระเบิดเฉพาะกระบอกสูบที่ได้รับแรงบันดาลใจจาก GT-R

Heaviest Z Car In The Lineup

ความผิดหวังอันดับต่อมาก็คือ Nissan Z NISMO ปี 2024 มีน้ำหนัก 3,704 ปอนด์ ซึ่งหนักกว่ารุ่นที่เบาที่สุดถึง 218 ปอนด์ แต่ถ้ามองจากพละกำลังที่เพิ่มขึ้นเทียบกับอัตราส่วนของน้ำหนัก ก็จะลดลงเหลือ 8.8 ปอนด์ต่อแรงม้า 9.0 ก็พอที่จะหักลบกันได้บ้าง ซึ่งทาง Paul Hawson ชี้แจงว่าส่วนใหญ่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาจากโครงสร้างด้านหน้า-หลัง และใต้พื้นด้านหลัง รวมถึง ออยล์คูลเลอร์ที่ใหญ่ขึ้น และเบรกหน้าที่ใหญ่ขึ้นอีกด้วย

แน่นอนว่าน้ำหนักเป็นศัตรูของประสิทธิภาพ  แต่ไม่ใช่ศัตรูที่ Paul Hawson เป็นกังวล เพราะ Nissan มีประสบการณ์มากมายในการควบคุมน้ำหนักในรถสปอร์ต เช่นเดียวกับตัว GT-R นอกจากนี้การใช้วัสดุที่มีน้ำหนักเบาแต่ราคาแพงไม่ตอบโจทย์กับพฤติกรรมการขับขี่ที่ทีม NISMO ต้องการ

The Good Stuff

ผิดหวังมาหลายประการ ขอเรื่องดีๆ บ้างได้ไหม ที่พอจะเห็นได้ชัดก็คือแชสซีส์ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทาง  NISMO ให้ความสำคัญมากๆ Paul Hawson กล่าวว่า “ลำดับความสำคัญสูงสุดของทีมคือการส่งมอบรถที่สนุก และคุ้มค่าสำหรับการขับขี่ในสนามแข่ง และทุกการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นจากปัจจัยดังกล่าว”

ดีเทลในส่วนของล้อ มาพร้อมกับล้อ 9 ก้านแบบ นูนพิเศษจาก NISMO ที่มีขนาด 19 นิ้ว ใช้ยางของ Dunlop SP Sport Maxx GT600 ซึ่งเป็นลูกพี่ลูกน้องของยางที่พอๆ กับ GT-R และเหนียวกว่า Bridgestone Potenza S007s ของ Z Performance และยางหลังมีขนาดกว้างขึ้น 0.4 นิ้ว (10 มิลลิเมตร) เพื่อให้สามารถเข้าโค้งได้ดียิ่งขึ้น

คาลิเปอร์เบรกหน้าแบรนด์ Akebono ซึ่งมีเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่กว่าดิสก์เบรกของ Z Performance 1 นิ้ว ส่วนคาลิปเปอร์หลังใช้แบบสองลูกสูบยึดโรเตอร์ขนาด 13.8 นิ้ว ผ้าเบรกแบบตีนตะขาบถูกติดตั้งไว้โดยรอบ ซึ่งหวังว่าจะช่วยแก้ปัญหาการเบรกของ Z ได้

ตอนนี้เริ่มชอบกันบ้างรึยัง?

อีกหนึ่งจิ๊กซอว์คือแพ็คเกจแอโรไดนามิคที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นจากส่วนหน้าและส่วนหลังของตัวถัง ซึ่งการปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพเป็นพิเศษช่วยลดแรงกดอากาศในขณะขับขี่ กระจังหน้าได้รับแรงบันดาลใจมาจากในรุ่นเรโทรของ Z

ติดสปอยเลอร์ 3 ชิ้นที่ประตูท้าย บังโคลนหลัง และกันชน ได้รับการปรับรูปร่างใหม่โดยใส่ใจเป็นพิเศษกับมุมต่างๆ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจาก GT-R และมาพร้อมกับตราสัญลักษณ์ NISMO อีกด้วย

โดดเด่นด้วยแถบสีแดงที่พันรอบด้านล่างของรถ หลังคา ล้อ และกระจกมองข้างสีดำ (ซึ่งมีแถบสีแดงด้วย) สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างคือชิ้นส่วนตกแต่งที่ได้แรงบันดาลใจจาก Katana บริเวณหน้าต่างและหลังคาเป็นสีเทาเข้ม “Stealth Grey” เอกสิทธิ์เฉพาะ NISMO

ความงดงามของภายใน

การตกแต่งภายในห้องโดยสารของ Nissan Z NISMO ปี 2024 ได้รับการตกแต่งน้อยกว่าภายนอกแต่มีรสนิยม ประกอบด้วบเบาะหนังและเบาะ Alcantara Recaro มาพร้อมกับตรา NISMO พวงมาลัยหุ้มด้วยวัสดุ Alcantara ที่ตำแหน่ง 9 และ 3 พร้อมแถบหนังสีแดงที่ตำแหน่ง 12 ซึ่งทั้งล้อและเบาะได้รับการเย็บด้วยสีแดงเช่นเดียวกัน

Theme สีแดงของ NISMO ครอบคลุมไปถึงปุ่มสตาร์ท/ดับเครื่องยนต์และสวิตช์โยกโหมดขับเคลื่อน นอกจากนี้ยังแสดงเสียงเรียกเข้าของมาตรวัดความเร็วรอบในแผงหน้าปัดแบบดิจิทัล ซึ่งจะได้รับโลโก้ NISMO และ “แฟลชสีแดงพิเศษ” ในระหว่างแอนิเมชั่นสตาร์ทเครื่อง และไฮไลท์ก็คือทุกคันจะได้รับผู้ช่วยดิจิทัลของ Amazon Alexa ในตัวอีกด้วย

 

 

Nissan Z NISMO ปี 2024 ยังไม่ได้ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ แต่อีกไม่นานเกินรอคาดว่าจะได้ทราบ พร้อมวางจำหน่ายที่ประเทศสหรัฐอเมริกาไตรมาสที่ 4 นี้ แฟนคลับของ Z ตั้งตารอได้เลย 

 

 

เครดิต www.autospinn.com

 

ฝาสูบใหม่ BT50 2.5 อุปกรณ์ครบชุด ราคาแค่หลักหมื่น!!!