หากว่ายังผ่อนไม่หมด แต่ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน ต้องการรีไฟแนนซ์เพื่อขอรับวงเงินเพิ่ม หรือปรับเปลี่ยนเงื่อนไขการผ่อนชำระให้นานขึ้น กรณีเช่นนี้สามารถทำได้หรือไม่? เรามีคำตอบมาฝากกัน

การรีไฟแนนซ์รถยนต์ขณะที่ยังผ่อนไม่หมดสามารถทำได้ โดยจะเป็นการขอวงเงินก้อนใหม่เพื่อชำระสินเชื่อก้อนเดิมทั้งหมด และย้ายไปผ่อนสินเชื่อก้อนใหม่แทน ซึ่งอาจขอเพิ่มวงเงินเพิ่มจากที่คงเหลือเดิมก็ได้ จะช่วยเสริมสภาพคล่องทางการเงินของผู้กู้ ยืดระยะเวลาผ่อนให้นานขึ้น และมีค่างวดต่อเดือนที่ลดลง โดยสามารถรีไฟแนนซ์ได้ทั้งธนาคารหรือสถาบันการเงินเดิม หรือจะเปลี่ยนเป็นแห่งใหม่ก็ได้เช่นกัน

ต้องผ่อนมาแล้วกี่ปีจึงจะรีไฟแนนซ์ได้

การรีไฟแนนซ์สินเชื่อรถยนต์นั้น ผู้ขอสินเชื่อจำเป็นต้องผ่อนรถคันดังกล่าวมาแล้วเกินครึ่งหนึ่ง จึงจะมีโอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อจากธนาคารหรือสถาบันการเงิน โดยพิจารณาจากยอดจัดทั้งหมด

หากผ่อนรถมาแล้วไม่เกิน 1-2 ปี โอกาสได้รับการอนุมัติสินเชื่อรีไฟแนนซ์ค่อนข้างน้อย เนื่องจากการชำระค่างวดในระยะแรกจะเป็นการชำระดอกเบี้ยเสียเป็นส่วนใหญ่ ขณะที่เงินต้นจะถูกตัดออกไปเพียงบางส่วนเท่านั้น แต่หากผ่อนรถมาแล้วมากกว่า 2 ปี หรือเกิน 50% ก็จะมีโอกาสได้รับการอนุมัติสูงขึ้น

เอกสารการรีไฟแนนซ์รถยนต์ใช้อะไรบ้าง?

แม้ว่าจะเป็นเพียงการรีไฟแนนซ์ แต่โดยมากแล้วธนาคารและไฟแนนซ์จะเรียกขอเอกสารเช่นเดียวกับการขอสินเชื่อใหม่ ซึ่งมักจะประกอบไปด้วย

  • บัตรประชาชนของผู้ขอสินเชื่อ
  • สำเนาทะเบียนบ้าน
  • สลิปเงินเดือน
  • รายการเดินบัญชีย้อนหลัง 3 – 6 เดือน
  • เอกสารยืนยันแหล่งที่มาของรายได้กรณีประกอบธุรกิจส่วนตัว
  • คู่มือจดทะเบียนรถยนต์ที่ต้องการรีไฟแนนซ์
  • อื่นๆ

ข้อควรพิจารณาก่อนรีไฟแนนซ์สินเชื่อรถยนต์มีอะไรบ้าง?

การรีไฟแนนซ์สินเชื่อรถยนต์เหมาะสำหรับผู้ที่ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน จำเป็นต้องนำเงินมาใช้จ่าย รวมถึงผู้ที่ต้องการลดค่างวดในแต่ละเดือนลง แต่ก็แลกมากับระยะเวลาการผ่อนชำระที่นานขึ้น

อย่างไรก็ดี ผู้ขอรีไฟแนนซ์จำเป็นต้องตรวจสอบรายละเอียดให้ครบถ้วน เนื่องจากการขอรีไฟแนนซ์จะมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ รวมถึงต้องเสียเวลาในการเดินเรื่อง มิเช่นนั้นแล้วอาจได้ไม่คุ้มเสีย และกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบกับทางไฟแนนซ์เสียเอง

     เมื่อทราบเช่นนี้แล้วก็ลองพิจารณาสัญญาอย่างละเอียดรอบคอบก่อนรีไฟแนนซ์ด้วยนะครับ

 

 

เครดิต www.sanook.com