เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) เผยทิศทางการดำเนินธุรกิจปี 2567 สร้างการเติบโตในระยะยาวผ่านกลยุทธ์ชื่อ “Plan S-5” เป้าครองส่วนแบ่ง 5% ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคลในปี 2028 ส่วนปีนี้ตั้งเป้าเติบโต 20% เตรียมเปิดตัว Kia EV9 เดือนมี.ค. 2024 พร้อมรับประกันตัวรถ 7 ปี หรือ 1.5 แสนกม. รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 1.6 แสนกม.

เกีย เซลส์ บุกตลาดเดินหน้าตามแผน “Plan S-5”

จุน โอ อี ประธาน บริษัท เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) จะเดินหน้าธุรกิจอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อบรรลุเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี2567-2571) โดยกลยุทธ์นี้คือ  ‘Plan S-5’ ประกอบด้วยเป้าหมายหลัก 4 ประการ

เป้าหมายหลัก 4 ประการ ได้แก่

  • ครองส่วนแบ่ง 5% ของตลาดรถยนต์นั่งส่วนบุคคล (ทุกเซกเมนต์) โดยในปี 2567 ตั้งเป้าเติบโต 20% เปิดตัว Kia EV9 เดือนมี.ค. 2024 รับประกันตัวรถ 7 ปี หรือ 1.5 แสนกม. รับประกันแบตเตอรี่ 8 ปี หรือ 1.6 แสนกม.
  • ทำตลาดรถยนต์ไฟฟ้าให้มีสัดส่วนคิดเป็น 50% ของยอดจำหน่ายเกีย
  • ก้าวขึ้นสู่ทำเนียบแบรนด์ที่มีการรับรู้สูงที่สุด 5 อันดับแรก
  • ขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายทั่วประเทศให้เติบโตขึ้น 5 เท่าตัวใน 5 ปี หรือมีดีลเลอร์รวม 100 รายในปี 2028

ขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นครอบครัวคนรุ่นใหม่

ฌ็อง–ดาวิด คริสติญอง อาเรล รองประธานฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด ระบุว่า ขณะนี้รถยนต์รุ่น Carnival ที่ใช้งานอยู่บนท้องถนนในไทยมีอยู่ประมาณ 10,000 คัน ซึ่งผู้บริโภคกลุ่มนี้ให้ความไว้วางใจในตัวรถยนต์ Carnival และผู้จำหน่ายอย่างมาก โดยอนาคตเกียจะขยายฐานลูกค้าไปสู่กลุ่มผู้บริโภคที่เป็นครอบครัวคนรุ่นใหม่ โดยมีการพัฒนากลุ่มผลิตภัณฑ์เกียให้สอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายใหม่ดังกล่าว

“เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าว เราจึงออกแบบการสื่อสารของเราในประเทศไทย โดยวางตำแหน่งแบรนด์ให้มีภาพลักษณ์ของรถยนต์ ‘Premium Smart’ โดยที่คำว่า ‘Premium’ สื่อถึงการมุ่งส่งมอบประสบการณ์ลูกค้าที่ดีเยี่ยม ตั้งแต่ทัชพอยท์แรกทางอินเทอร์เน็ตไปจนถึงทุกๆ ช่องทางที่ลูกค้าจะได้สัมผัสกับแบรนด์ ส่วนคำว่า ‘Smart’ สื่อถึงการที่เรามุ่งหวังให้ลูกค้าชาวไทยได้รับประสบการณ์ใหม่ล่าสุดในการขับขี่ โดยการนำเสนอรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบพร้อมกับเพิ่มรถยนต์ในกลุ่มเอสยูวี และเอ็มพีวี” 

ณัฏฐ์ชัย สุรวรรธนกุล รองประธานฝ่ายขาย เครือข่ายผู้จำหน่าย และบริการหลังการขาย กล่าวว่า ตลาดรถยนต์ในประเทศไทยอยู่ในเทรนด์ขาขึ้นและขาลงสลับสับเปลี่ยนกันในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่โดยรวมทั้งตลาดอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 800,000 คัน เนื่องจากเซ็กเมนต์รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ

แม้ว่าเซ็กเมนต์รถยนต์นั่งส่วนบุคคลจะมีการเติบโตก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้า อย่างไรก็ตาม เกียมองว่าตลาดรถยนต์ในไทยจะกลับมาฟื้นตัวได้ดียิ่งขึ้นในปี 2567 นี้ โดยคาดว่ายอดจำหน่ายจะขยับตัวขึ้นเป็น 850,000 – 860,000 คันจากอานิสงส์ของรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) ที่มียอดจำหน่ายเพิ่มสูงขึ้น

สำหรับ เกีย เซลส์ (ประเทศไทย) ในปี 2566 มีผู้จำหน่ายและศูนย์บริการที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ 19 แห่ง ต่อไปจะเร่งสร้างการเติบโตของยอดขายด้วยการขยายเครือข่ายผู้จำหน่ายอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ประเดิมด้วยผู้จำหน่ายใหม่ 10 ราย

 

 

 

เครดิต www.autospinn.com

 

ฝาสูบ 4G13 เป็นยังไง? ไปชมกัน | แกะกล่องรีวิว