เทคโนโลยี Start&Stop ระบบก้าวไกลมีประโยชน์ แถมประหยัด ลดมลพิษ

ระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ Start&Stop ของโตโยต้า เป็นระบบที่มีการดับเครื่องยนต์ชั่วขณะเมื่อไม่ได้ใช้งานเป็นเวลาที่เหมาะสม ซึ่งเทคโนโลยี Start&Stop ที่ว่านี้ไม่ใช่ระบบใหม่ แต่มีการคิดค้นเรื่องนี้กันมาเกือบจะ 40 ปี แล้ว โดยครั้งแรกที่ได้ข้อมูลหลักฐานชัดเจนเป็นรถยนต์ Toyota ที่ทดลองระบบ Start&Stop นี้ ใน Toyota Crown ที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเมื่อรถหยุดนิ่งนานกว่า 1.5 วินาทีเครื่องยนต์จะดับลง ผลคือสามารถประหยัดมากขึ้นกว่า 10 % ระบบ Start&Stop จึงถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่ก้าวไกล มีประโยชน์ แถมประหยัด ลดมลพิษอีกด้วยนะครับ

จากนั้นโตโยต้าก็ได้มีการพัฒนา ระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ เพื่อลดมลพิษและประหยัดเชื้อเพลิงมากขึ้น และในเรื่องความเข้าใจในการสตาร์ทเครื่องยนต์แต่ละครั้งจะสูญเสียน้ำมัน มากกว่าการเดินเครื่องยนต์ คงต้องยอมรับว่า นั่นเป็นเรื่องที่เกิดความคลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โดยเฉพาะเมื่อการจ่ายน้ำมันมีความแม่นยำมากขึ้นด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ที่ทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้น้ำมันจำนวนมากในการทำให้เครื่องยนต์ทำงานอีกต่อไปนั่นเองครับ

ระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัตินี้ จะดับเครื่องยนต์โดยอัตโนมัติเมื่อรถหยุด เช่น เมื่อรถหยุดติดไฟแดง และเมื่อปล่อยแป้นเบรครถเริ่มออกตัว เครื่องยนต์จะสตาร์ทอีกครั้งโดยอัตโนมัติ โดยระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ ประกอบด้วย ECU สตาร์ทและดับเครื่องยนต์ บูสต์คอนเวอร์เตอร์สำรอง และชุดมอเตอร์สตาร์ทแบบโซลินอยด์คู่ การใช้ชุดมอเตอร์สตาร์ทแบบโซลินอยด์คู่จะทำให้เครื่องยนต์สตาร์ทติดแม้เมื่อเครื่องยนต์ยังคงหมุนภายใต้แรงเฉื่อย โดยที่ ECU สตาร์ทและดับเครื่องยนต์จะนับจำนวนครั้งที่มอเตอร์สตาร์ททำงาน(354,000 ครั้ง) เพื่อควบคุมอายุการใช้งานของชุดมอเตอร์สตาร์ท ถ้าจำนวนเกินกว่าค่าระดับที่กำหนด ECU จะสั่งให้ไฟแสดงสถานะยกเลิกระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติกะพริบเพื่อแจ้งให้คนขับทราบว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนชุดมอเตอร์สตาร์ท  และเช่นเดียวกันอีก ECU สตาร์ทและดับเครื่องยนต์จะนับจำนวนครั้งที่เครื่องยนต์สตาร์ทติดและสตาร์ทอีกครั้งเพื่อควบคุมอายุการใช้งานของฟลายวีล(628,000 ครั้ง) ถ้าการนับจำนวนครั้งที่เครื่องยนต์สตาร์ทติดและสตาร์ทอีกครั้งรวมกันเกินกว่าค่าที่กำหนด ECU จะสั่งให้ไฟแสดงสถานะยกเลิกระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติกะพริบเพื่อแจ้งให้คนขับทราบว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนฟลายวีล

การใช้งานระบบ Start&Stop

ผู้ขับขี่สามารถใช้งานระบบ Start&Stop ตามปกติ แต่กรณีถ้ามีการจอดรถชั่วขณะ เช่นติดไฟแดง เครื่องยนต์อุ่นจนถึงอุณหภูมิทำงาน แป้นเบรคถูกเหยียบ แรงดันไฟฟ้าในแบตเตอรี่มากกว่า 8.92 โวล์ท ระบบปรับอากาศมีการทำงานตามอุณหภูมิที่ตั้งไว้ ไล่ฝ้าไม่ได้เปิดใช้งาน เครื่องยนต์ก็จะดับหรือหยุดการทำงานเข้าสู่โหมด Stop เองโดยอัตมัติ แต่หากเมื่อจอดชั่วขณะแล้วระบบไม่ทำงาน ซึ่งอาจจะมีส่วนใดส่วนหนึ่งไม่เข้าเงื่อนไข ระบบก็จะมีการแจ้งผู้ขับขี่ให้ทราบว่าขณะนั้นไม่ครบเงื่อนไขใดโดยมีข้อความแสดงที่แผงหน้าปัด เช่น กำลังชาร์ทไฟ แสดงว่าขณะนั้นกำลังไฟฟ้าในแบตเตอรี่อาจจะต่ำ หรือ ขึ้นข้อความว่าสุญญากาศหม้อลมไม่เพียงพอ นั่นแสดงว่าเหยียบแป้นเบรกไม่เต็มที่ ผู้ขับขี่ก็ออกแรงเหยียบเบรกเพิ่มขึ้นอีกนิดหน่อย ระบบก็จะทำงานให้แล้ว หรือหากผู้ขับขี่ไม่อยากให้ระบบทำงานเลยก็สามารถยกเลิกระบบได้ด้วยการกดปิดสวิทช์ระบบ Start&Stop ก็ไม่ทำงานแล้ว

การทำงานในช่วงออกตัว

ช่วงที่ระบบ Start&Stop ทำงาน ในระหว่างที่เครื่องยนต์ดับชั่วขณะ ชุดปั๊มน้ำมันพร้อมโซลินอยด์จะทำงานเพื่อทำให้แรงดันน้ำมันเกียร์อัตโนมัติคงที่จึงทำให้การออกตัวไม่  เกิดอาการสะดุด สามารถออกตัวได้เหมือนกับรถทั้วไป  ในการทำงานของระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติ เช่น จำนวนครั้งที่หยุดการเดินเบา และการเตือนกับการแนะนำต่างๆ โดยใช้จอแสดงข้อมูลรวม ไฟแสดงสถานะระบบระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติและไฟแสดงสถานะยกเลิกระบบระบบสตาร์ทและดับเครื่องยนต์อัตโนมัติในชุดมาตรวัดรวม

สุดท้ายครับ ระบบ Start&Stop นี้นอกจากจะทำมาเพื่อการประหยัดเชื้อเพลิงในเวลาที่เราจอดติดเครื่องอยู่กับที่ซึ่งสิ้นเปลืองโดยไม่เกิดประโยชน์แล้ว การที่เครื่องยนต์ดับหรือหยุดทำงานชั่วขณะนั้นก็เป็นการช่วยลดมลภาวะจากการปล่อยก๊าซไอเสียของเครื่องยนต์ไปด้วย ประหยัดแถมลดมลพิษ น่าใช้นะครับ

เครดิต www.kmotors.co.th