ชาร์จมือถือในรถ ทำให้แบตมือถือเสื่อมเร็วขึ้นจริงเหรอ?

เชื่อว่าหลายๆ คนคงมีประสบการณ์การชาร์จแบตเตอรี่บนรถมาแล้ว แต่หลายๆคนก็ไม่กล้าที่จะชาร์จแบตฯ บนรถ เพราะมีหลายๆคน เคยพูดว่า จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว และในยุคนี้ปฏิเสธไม่ได้ที่จะต้องใช้โทรศัพท์ในการสื่อสารติดต่อตลอดเวลา หลายหลายคนก็เสพติดโซเชียล จนถึงขั้นนับโทรศัพท์เป็นปัจจัยที่ 6 ไปซะแล้ว วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจว่าสรุปแล้ว ชาร์จแบตฯ บนรถได้หรือไม่!

โทรศัพท์มือถือสมัยก่อนอาจจะจริง เพราะมือถือสมัยที่เริ่มเข้ามาขายกันใหม่ๆยังใช้แบตเตอรี่ NiMH อยู่และระบบชาร์จแบตเตอรี่ ก็ไม่เหมือนกับมือถือสมัยนี้ มือถือในปัจจุบันใช้แบตเตอรี่ ลิเธี่ยมไออ้อนกันหมดแล้ว และวงจรที่ควบคุมการชาร์จ อยู่ในตัวมือถือครับ ส่วนอุปกรณ์ที่เราเรียกว่า วอลล์ชาร์จ หรือ คาร์ชาร์จ มันเป็นเพียงแค่หม้อแปลงไฟทำให้ไฟเข้าเครื่องมีแรงดันตามความต้องการของมือถือเท่านั้น แต่การควบคุมว่า จะชาร์จแบตเตอรี่ด้วยไฟกี่โวลต์ กระแสเท่าไหร่ ตัดตอนไหน ล้วนแล้วแต่เป็นหน้าที่ของวงจรควบคุมการชาร์จแบตเตอรี่ ที่อยู่ภายในมือถือทั้งนั้นครับ หม้อแปลง มีหน้าที่เพียงแค่จ่ายไฟเข้าเครื่อง โดยต้องมีแรงดันไฟให้ถูกต้องตรงตามสเปค จะต่ำกว่าหรือสูงกว่าไม่ได้ ส่วนกระแส ก็ต้องไม่น้อยกว่าสเปค แต่หากกระแสจ่ายได้มากกว่าไม่เป็นอะไร ถ้าคุณใช้อะแดปเตอร์แปลงไฟรถที่ได้มาตรฐาน ก็จะจ่ายไฟเข้ามือถือได้ถูกต้องตามสเปค ดังนั้นไม่ว่าจะชาร์จมือถือ จากไฟรถ หรือไฟบ้าน มันก็เร็วเท่ากัน ไม่ควรมีปัญหาใดๆทั้งสิ้น (เพราะมองจากมุมมองของตัวเครื่องมือถือแล้ว มันไม่รู้หรอกครับ ว่าไฟที่เสียบเข้ามา มันมาจากอะแดปเตอร์ไฟบ้าน หรือ ไฟรถ ขอให้ไฟที่เข้ามาเท่ากัน มันก็ทำงานเหมือนกัน)

แต่มีหลายๆท่านเจอปัญหาว่า ชาร์จจากในรถแล้วเครื่องร้อน เดาได้ไม่ยากครับว่า ปัญหาเป็นที่ ตัวอะแดปเตอร์ไฟรถไม่ดี อาจจะจ่ายไฟขาดหรือเกิน ถ้าเป็นกรณีนี้ ผมไม่ห่วงแบตเตอรี่หรอกครับ แต่ห่วงมือถือจะรวนมากกว่า คำแนะนำในการชาร์จมือถือในรถมีง่ายๆครับ ก่อนติดเครื่องยนต์ ให้ถอดอะแดปเตอร์เสียบที่จุดบุหรี่ออกก่อนครับ พอเครื่องยนต์ติดเดินเรียบแล้ว ค่อยเสียบชาร์จมือถือ สาเหตุที่ให้ถอดออกก่อนติดเครื่อง เพราะว่าในขณะที่เราบิดกุญแจสตาร์ทเครื่อง ไฟจะกระชากขึ้นๆลงๆไฟไม่เรียบ ทำให้มือถืออาจมีปัญหาได้

เครดิต www.thairpm.com