ในยุคที่น้ำมันเชื้อเพลิงขึ้นราคา 60 สตางค์ต่อลิตร และลดลง 20 สตางค์ต่อลิตร ในวันรุ่งขึ้น (ไม่รู้จะขึ้น ๆ ลง ๆ ทำแมวอะไร) นอกจากคำถามที่ว่า ทำไมไม่ขึ้นราคา 40 สตางค์ต่อลิตร ให้รู้เรื่องทีเดียว! เรื่องของรถพลังงานไฟฟ้า ก็กลายเป็นที่ถูกพูดถึงอีกครั้งว่าได้เวลาหรือยัง?

     ตอบได้อย่างรวดเร็วเลยครับว่า ยังครับ! เพราะเป้าหมายที่ บอร์ด EV หรือคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ตั้งเป้าให้ไทยงดใช้รถน้ำมันเชื้อเพลิงในอีก 14 ปีข้างหน้า หรือปี 2035 ก็ดูเงียบเชียบเสียเหลือเกิน ขณะเดียวกันรถเครื่องยนต์สันดาปก็จ่อคิวเปิดตัวรุ่นใหม่ ๆ อยู่หลายยี่ห้อ

     แต่หากนึกถึงรถพลังงานไฟฟ้า หรือ EV ในภาพรวมทั่วโลก เชื่อว่าทุกท่านน่าจะนึกถึง “เทสล่า” เป็นอันดับแรก เพราะค่ายรถจากฝั่งสหรัฐฯ ที่นำโดย อีรอน มัสก์ บุกเบิกธุรกิจรถประเภทนี้แบบจริงจังเป็นเจ้าแรก ๆ และกลายเป็นบริษัทรถที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลกไปแล้ว

     น้อยคนครับ เวลานึกถึงรถ EV ที่จะนึกถึงยี่ห้อรถเจ้าเดิม ๆ ในตลาด ทั้ง ๆ ที่ยี่ห้อรถเหล่านั้นก็ผลิตรถพลังไฟฟ้าออกมาขายกันแล้ว ทั้งรถค่ายญี่ปุ่นและเกาหลี รวมถึงค่ายยุโรป อย่าง เมอร์เซเดส บีเอ็มดับเบิลยู อาวดี้ และค่ายฟอร์ดในสหรัฐฯ หรือกระทั่งซูเปอร์คาร์ อย่างเฟอร์รารี่ ลัมโบร์กินี่ ก็ขยับตัวผลิตรถไฟฟ้ากันหมดแล้ว

     พูดง่าย ๆ คือ ค่ายรถเกือบทุกยี่ห้อเตรียมพร้อมกันแล้วแต่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้นเองครับ ในบางประเทศนโยบายผลักดันรถ EV คืบหน้าไปกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ อย่าง นอร์เวย์ และไอซ์แลนด์ มียอดขายรถพลังไฟฟ้าสูงถึง 80 และ 50 เปอร์เซ็นต์ตามลำดับ

     ส่วนบ้านเรา ถ้าจะให้ลิสต์รถ EV ที่ไม่ใช่รถยุโรปนำเข้าคันละหลาย ๆ ล้าน ก็จะมี นิสสัน และ MG เท่านั้น ที่ราคาจับต้องได้ รวมถึงยังมี GWM ที่กำลังจะเปิดราคา ORA Good Cat ในช่วงปลายเดือนนี้ ว่าจะสตาร์ทเริ่มต้นที่กี่แสนบาท

     นั่นหมายความว่า เป้าหมายที่บอร์ด EV บ้านเราตั้งไว้ในปี 2035 ยังไม่มีอะไรคืบหน้ามากนัก เพราะประเด็นสำคัญคือการจะทำอย่างไรให้ค่ายรถมั่นใจที่จะมาลงทุนทำโรงงานผลิตรถ EV ในบ้านเรา หรือกระทั่งการมีตัวแทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการให้ได้เสียก่อน

     ยกตัวอย่าง “เทสล่า” ที่ทุกวันนี้ในบ้านเรามีแต่บริษัทนำเข้าอิสระหรือ เกรย์ มาร์เกต นำเข้ามาขาย จากราคา 1.5 ล้านในสหรัฐฯ มาบ้านเรา ทะลุคันละ 3 ล้านบาท ผมคิดว่าแม้แต่ อีลอน มัสก์ เองก็ยังไม่น่ามีคำตอบเหมือนกับว่า เทสล่า จะเข้ามาทำตลาดในไทยหรือไม่ และถ้ามาคือเมื่อไหร่

     ความชัดเจนตรงนี้อยู่ที่คณะทำงานของบอร์ด EV ครับ ว่าจะผลักดันแผนส่งเสริมรถพลังไฟฟ้าให้เป็นรูปธรรมได้อย่างไร เพราะลำพังจะบอกว่า ลดอัตราภาษีให้อย่างเดียวมันไม่พอหรอกครับ มันต้องมีแผนพัฒนาการผลิตที่สามารถมาตั้งโรงงานผลิตในบ้านเราให้ได้ถึงขนาดนั้นเลย

     ก่อนที่จะไปถึงวันนั้นซึ่งไม่รู้จะเกิดขึ้นภายใน 14 ปีตามเป้าหรือไม่ “เรา” ในฐานะคนที่ใช้รถและยังต้องเติมน้ำมันต่อไปครับ ไม่ใช่เพราะเราใช้ชีวิตสิ้นเปลืองอะไรหรอกนะครับ เพราะผมเชื่อว่าทุกคนที่ใช้รถล้วน “จำเป็น” ด้วยกันทั้งสิ้นครับ

 

 

เครดิต www.sanook.com