ผ้าเบรกรถยนต์ อุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ แต่มีความสำคัญกับระบบห้ามล้อเป็นอย่างยิ่ง เพราะหากมันเกิดปัญหาขึ้นมาเมื่อไหร่ นั่นหมายถึงอุบัติเหตุ และหากร้ายแรงสุดๆ อาจถึงแก่ชีวิตของคุณ รวมไปถึงผู้อื่นด้วย

ระยะการใช้งานผ้าเบรกของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับลักษณะการใช้งานของแต่ละบุคคล ซึ่งศูนย์บริการรถยนต์มักจะให้เข้ามาเช็กดูทุกๆ 20,000 กิโลเมตร เพื่อวัดระยะ และหากเหลือน้อยกว่า 3 มิลลิเมตร ก็ควรจัดการเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าทำได้ คุณควรตรวจผ้าเบรกทุกๆ 3 เดือน หรือ 5,000 กิโลเมตร ก็จะเป็นการดีที่สุด

     สำหรับผ้าเบรกที่มีขายอยู่ในตลาดบ้านเรา ปัจจุบันมีอยู่ 4 ประเภท ดังนี้

     1. Asbestos ผสมแร่ใยหินเป็นส่วนประกอบ หรือที่เรียกกันว่าผ้าใบ มีราคาถูก ความสามารถใช้ได้ดีในระยะเริ่มต้น ความเร็วต่ำๆ แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น ประสิทธิภาพจะลดลง นอกจากนี้ยังมีอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ เนื่องจากฝุ่นผงที่มีมาก ทำให้ไม่ค่อยมีคนนิยมใช้กันแล้ว

     2. Non-asbestos แบบไม่ผสมแร่ใยหิน ไม่มีฝุ่นผงมากเท่าอันแรก แถมยังมีน้ำหนักเบา และเสียงก็ไม่ดังอีกด้วย แต่มักจะมีปัญหาเมื่อเจออุณหภูมิสูงขึ้น เนื่องจากมันไม่ค่อยทนความร้อน

     3. Metallic แบบอัดขึ้นบล็อคด้วยผงเหล็ก มีประสิทธิภาพการใช้งานสูง สามารถทนความร้อนได้ดี มีความไวเมื่อเหยียบเบรกแบบกระทันหัน แต่อาจมีเสียงดังเมื่อใช้งาน และทำให้จานเบรกสึกไวกว่าปกติ

     4. Semi-metallic ส่วนผสมส่วนใหญ่เป็นโลหะ แม้จะทำมาจากโลหะเป็นส่วนใหญ่ แต่มันสามารถระบายความร้อนได้เร็วมาก แต่ก็ยังทนความร้อนได้ไม่ดีเท่าแบบที่ 3 แถมยังมีเสียงดังขณะเหยียบเบรกอีกด้วย

การเลือกผ้าเบรกให้เหมาะสมกับการใช้งานกับรถของคุณถือเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากรถของคุณแค่ขับใช้งานธรรมดา ก็ให้เลือกผ้าเบรกชนิดที่เป็นแบบเดียวกันกับของเดิมโรงงาน เพราะมันได้ถูกคำนวณเรื่องการใช้งานมาแล้ว แต่ถ้ารถของคุณแต่งซิ่ง มีกำลังเครื่องยนต์มากขึ้น ก็ควรที่จะเลือกใช้ผ้าเบรกที่มีคุณภาพสูงไปเลย เนื่องจากเบรกธรรมดาอาจเอาไม่อยู่ เมื่อคุณขับขี่ด้วยความเร็วสูง

     แต่ทางที่ดี ขับขี่ปลอดภัย ใช้ความเร็วตามที่กฎหมายกำหนดจะดีที่สุดครับ

 

 

เครดิต www.sanook.com