จากครั้งที่แล้ว เราได้อธิบายเรื่อง แรมม้า และ แรงบิด กันไปแล้ว ครั้งนี้เรามาเจาะลึกกันต่อ

คำถามที่พบบ่อย สำหรับแรงม้าและแรงบิด

  1. เราควรเลือกแรงบิดเยอะ หรือ แรงม้าเยอะดีหละ?

อันนี้ขึ้นอยู่กับการใช้งานครับ ถ้ารถขนาดใหญ่ หรือต้องขนของหนักๆ ก็เลือกที่แรงบิดเยอะ 

  1. เราเอาเครื่องมอไซด์มาใส่รถได้ไหม?

เราสามารถทำได้ แต่ เราต้องลากรอบขึ้นไปสูง เพราะมอไซด์มีน้ำหนักเบา แต่รถบ้านมีน้ำหนักเยอะ เลยทำให้เราต้องลากรอบขึ้นไปสูงเพื่อทำให้รถเคลื่อนที่ในช่วงออกตัว ทำให้เครื่องร้อน และอาจจะไม่สะดวกตอนออกตัวเพราะเราต้องลากรอบสูงก่อนปล่อยครัช

เครื่องยนต์แต่ละเครื่องจะมีรอบเครื่องที่สร้างแรงบิดได้เยอะที่สุด หรือเราเรียกว่า Peak Torque เป็นจุดที่เร่งแล้วทำให้รู้สึกว่าหลังติดเบาะ

  1. แรงม้าและแรงบิดต่างกันอย่างไร

แรงม้า บอกเราเกี่ยวกับความเร็วสูงสุดที่รถทำได้ ในด้านของแรงบิด บอกถึงอัตรารวมถึงจะทำให้เราสามารถปีนเขาได้ดี ขนของได้ดี และเร่งได้ดี

  1. แรงม้าที่สูงกว่า หมายถึงรถจะเร็วกว่าเสมอไปหรือไม่

ไม่ หากแรงม้าสูงสุดของรถเรา อยู่ในรอบที่สูงกว่ารถอีกคัน จะทำให้เราไปได้ช้ากว่า

เช่น รถ A มีขุมกำลัง 170 แรงม้า แรงบิด 375 Nm(นิวตันเมตร) ที่ 2,000 รอบ ส่วน B มี 150 แรงม้า แรงบิด 375 Nm ที่ 1,500 รอบ ถามว่ารถคันแรกหรือคันที่สองมีอัตราเร่งดีกว่ากัน คำตอบก็คือรถ B ดีกว่า เพราะแรงบิดสูงสุดของ B มาที่รอบต่ำกว่า แม้ว่าจะมีแรงบิดเท่ากันและแรงม้าคันแรกมีมากกว่าอยู่ A ไม่มีทางไล่ B ทัน เพราะอัตราเร่ง 0-100 B ใช้เวลาน้อยกว่า มาในรอบต่ำกว่า

เรามาเจาะลึกกันมากขึ้น เรื่อง Peak Torque และ การวัดกำลังเครื่องยนต์

Peak torque สามารถ ปรับแต่งด้วยการปรับแต่งเครื่อง จะเห็นมากที่สุดตอนที่เราเปลี่ยนแคม หรือปรับเปลี่ยนจังหวะการดูดอากาศ

ถ้าเราทำให้ Peak torque อยู่ที่รอบต่ำ จะทำให้รถออกตัวได้ดี ใช้งานในเมืองได้ดี แต่ตัวเลขแรงม้าไม่สูงเพราะแรงบิดลดลงที่รอบสูง คือตอนบิดเร็วๆแต่ไม่แรง

ถ้าเราย้าย Peak torque ไปอยู่ที่รอบสูง ตัวเลขแรงม้าจะสูงขึ้น เพราะบิดเร็วและแรงพร้อมกัน รถจะเร่งได้ดีเวลาขับรอบสูงๆ จึงเหมาะกับรถแข่ง ทำให้รู้สึกเร็วขึ้นเรื่อยๆ

ผู้ผลิตแก้ไข จุดพีคที่จุดเดียว โดยการทำแคมชาร์ปปรับได้ เช่น ระบบ vtec, vvt, valvetronic และอีกหลายๆชื่อ ทำให้รถมีแรงบิดค่อนข้างคงที่ ตั้งแต่รอบต่ำไปถึงรอบสูง ทำให้แรงตลอดเวลา

รถไฟฟ้าออกตัวได้เร็วเพราะ จุดที่มีแรงบิดมากสุดจะอยู่ช่วงต้นหรือรอบต่ำ เพราะมีเกียร์เดียว แต่ความเร็วปลายจะไม่ดี นี่เป็นเหตุผลที่ทำให้รถไฟฟ้าสามารถออกตัวชนะ รถ hypercar หลายๆแบรนด์ได้ทั้งๆที่แรงม้าเท่ากัน

การวัดกำลังที่นิยม

วัดที่กำลังเครื่องหรือ Brake Horsepower

การวัดวิธีนี้คือการวัดกำลังโดยการเอาเครื่องยนต์ไปต่อกับไดโน่โดยตรง ผู้ผลิตจะมักวัดด้วยวิธีนี้เพราะจะได้ตัวเลขที่สูง

วัดที่ล้อ หรือ Wheel Horsepower

การวัดวิธีนี้คือการวัดกำลังโดยการเอารถทั้งคันไปขึ้นไดโน่ การวัดแบบนี้ จะทำให้แรงม้าได้น้อยกว่า Brake Horsepower เพราะกำลังเครื่องเสียไปกับเกียร์ ปั้มน้ำ ระบบปั่นไฟ และอื่นๆ วัดแบบนี้จะค่อนข้างตรงมากกว่า

ขอบคุณสำหรับที่ติดตามกันมาถึง EP นี่ หวังว่าจำให้เข้าใจเรื่องความเร็วและแรงของรถ ว่ามาจากไหนกันได้ดีขึ้นนะครับ ติดตามเนื้อหาเจ๋งได้ที่ #แกะกล่องสาระ

 

[ แรงม้า – แรงบิด อะไรที่ทำให้รถแรง ]

 

เครดิต Sandwish Media